Skip to main content

Post#10: Written Policy & Workflow

Post#10:
ผู้บริหารระดับกลาง มักจะประสบปัญหาที่เราเรียกว่า "กลืนไม่เข้าคายไม่ออก" อยู่บ่อยๆ

ส่วนใหญ่ปวดหัวกับการที่ต้องแปลงความต้องการของนายให้ชัด (เพราะนายมักจะสั่งงานเป็นภาพรวม แล้วเข้าใจคนละอย่างกะเราทุกที) แล้วก็ปวดหัวต่อว่า จะสั่งให้ลูกน้องไปทำอะไร?

ใครเจอแบบนี้บ่อยๆ ก็มีผู้รู้วางแนวทางไว้แบบนี้

1.ในการแปลงความต้องการของนายให้ชัดและตรงกับเรา (ผู้บริหารระดับกลาง หรือผู้ประสานงาน) ก็ควรเขียนออกมาให้ชัดเจน

แล้วต้องเขียนอะไร? ตอบว่า
- เขียนเป้าหมาย (หรือความต้องการของนาย)
- เขียนกรอบกว้างๆ ในการทำงาน

เขียนเป้าหมายกับกรอบกว้างๆ ข้างต้นแล้ว มีชื่อเรียกเก๋ๆ ว่า "นโยบาย" (Policy) แล้วก็ไปสรุปกับนาย ว่าตรงกันแล้วนะ

จากนั้นก็

2.เขียนขั้นตอนการทำงานให้ครบถ้วน ตามกรอบกว้างๆ ที่เขียนในข้อ 1 ซึ่งโดยมากลูกน้องมักจะอ่านสิ่งที่เราเขียนไม่ค่อยจะเข้าใจ ก็เลยมีคนคิดรูปแบบคำสั่งคล้ายๆ "แผนภูมิ" ขึ้นมา ภาษาไทย เรียกว่า "ผังการทำงาน" ไม่คุ้นใช่มั๊ยครับ หรือเรียกว่า "Workflow" นั่นเอง

คราวนี้ อยู่ที่ความสามารถของเราแล้ว ว่าตามลูกน้องทันมั๊ย กับ Workflow ที่ลูกน้องเสนอ

เมื่อทำครบทั้ง 2 ข้อ อย่างน้อยเราก็เบาใจได้ว่า สิ่งที่จะทำตอบโจทย์นาย และลูกน้องเข้าใจชัดเจน ว่าเราจะให้ทำอะไร

Post#10:
Middle Managements oftenly found themselves in the situation like "in a middle of no where".

Mainly they found it was too difficult to interpret precisely what their bosses want (as bosses usually gave broaden ideas, which always not the same thing they understood). Then, they found it was as frustrated on what should they tell their staff to do?

For those who normally faced this kind of awkward moments, there are some tips from Guru as follows:

1.For Middle Managements or Co-ordinators to precisely interpret what boss wants, they should have everything written down.

What should be written down?
- Goals (what boss wants)
- Framework or Scope of Work

Upon having Goals and Framework, "Policy" is formed. Then, they should make sure with their bosses that the Policy was ok.

Then...

2.Working Procedures should all be written down based on the Framework in 1. Most of the time, staff hardly understand what they had written down, so the kind of "Chart" or "Map of Work" was invented. To simply describe, it is what we are familier with the term "Workflow"

It is merely depends on the ability of the Middle Managements whether they catch up with the Workflow their staff had proposed.

One they have both 1 and 2, they should, at least, have more confidence that they shared same goals as their bosses and their staff knew precisely of what to deliver.

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...