Post#5-262:
ระหว่างใช้เวลาเดินทางไปต่างจังหวัดหลายชั่วโมงเอาการ...ผมก็ใช้เวลาทบทวนเรื่องงานหลายๆ เรื่อง
ทั้งนี้ ก็เพื่อให้พอจะแน่ใจได้ว่า ได้ทบทวนดีพอแล้ว...ว่าจะเลือกวิถีใดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้
ก็อย่างที่รู้ๆ กันดีล่ะครับ...ว่าแม้จะมุ่งไปที่เป้าหมายหรือจุดหมายเดียวกัน แต่ก็ใช่ว่าจะมีแค่วิธีหรือวิถีเดียวเท่านั้น ที่จะพาเราไปถึงได้
วิธีหรือวิถีต่างๆ ที่มี ก็ย่อมจะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป...
มันจึงเป็นประเด็นที่เราจะต้องวิเคราะห์เพื่อเฟ้นหาวิธีหรือวิถีที่ “เหมาะสมที่สุด”...เพื่อไปเลือกทำหรือเลือกเดิน
...
สังเกตให้ดีนะครับ...ผมใช้คำว่า “เหมาะสมที่สุด”
ไม่ใช่ “ดีที่สุด”
เพราะไม่น่าจะมีวิธีไหนหรือวิถีไหนที่ “ดีที่สุด”...สำหรับทุกๆ สถานการณ์ หรือทุกๆ ห้วงเวลา
เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน, สภาพแวดล้อมเปลี่ยน หรือห้วงเวลาเปลี่ยน...วิธีการหรือวิถีทาง ก็ย่อมควรจะต้องเปลี่ยน
เราจำต้องเปลี่ยน หรือต้องปรับ...เพื่อให้สอดคล้อง, กลมกลืน และเข้ากับปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไป
...
คนที่จะประสบความสำเร็จ หรือองค์กรที่จะอยู่ยั้งยืนยงได้นั้น...หาใช่คนหรือองค์กรที่ยืนหยัดท้าทายความเปลี่ยนแปลง
หากแต่เป็นคนหรือองค์กร...ที่ปรับเปลี่ยนให้สอดรับและกลมกลืนกับปัจจัยต่างๆ ได้อย่างทันการณ์ ต่างหาก
ก็อย่างที่บอกไว้ตอนต้นล่ะครับ...
เป้าหมายที่เราตั้งไว้นั้น...มีหลายวิธีและหลากวิถี ที่จะพาเราไปถึง
เจตจำนงแห่งปัจเจกบุคคล รวมไปถึงจิตวิญญาณแห่งองค์กร...ก็เช่นกัน
...ผมยืนยันว่า คนเราปรับเปลี่ยนวิธีและวิถีได้...โดยที่เจตจำนงนั้น ยังคงมั่นคง...
#NoteToSelf:
- จงถามตัวเองให้จงดี...”เป้าหมาย” กับ “วิถี”...สิ่งใดสำคัญกว่า
- ดังนั้น เราจึงไม่อาจเลือกเพียงการเดินเป็นเส้นตรงสู่เป้าหมายได้...บางครั้งเราจึงจำต้องเดินอ้อมบ้าง, ปีนกำแพงบ้าง หรือเจาะอุโมงค์บ้าง
- ผู้เปลี่ยนวิถีเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย...นับเป็นผู้กล้า ส่วนผู้ยึดติดวิถีจนยอมทิ้งเป้าหมาย...ย่อมนับเป็นผู้ขี้ขลาดตาขาว
Comments
Post a Comment