Post#5-301:
เมื่อวานผมมีโอกาสไปร่วม Forum หนึ่ง ที่ทาง Forbes จัดขึ้นที่สิงคโปร์...ซึ่งมีเนื้อหาหลายช่วงหลายตอนที่น่าสนใจ
ตอนหนึ่งของการเสวนา, มี Panelist ท่านหนึ่งแสดงทัศนะเกี่ยวกับประเด็นของ Start-up Business ไว้ดีมากๆ
หลักใหญ่ใจความก็คือ “อย่ามัวแต่ถามว่าสนับสนุน Start-up แล้ว จะได้อะไร...แต่น่าจะถามว่า ถ้าไม่สนับสนุนแล้ว เราจะเสียอะไรมากกว่า”
...
มุมมองของ Panelist ท่านนี้ ก็คือ เราไม่ควรมองแต่มุมของเงินทุนที่จะต้องจ่ายแต่เพียงแค่นั้น...
แต่ต้องคำนึงถึงค่าสูญเสียโอกาส ในกรณีที่ Start-up นั้นๆ กลายมาเป็นธุรกิจพลิกโลกด้วย
ผมฟังแล้วก็ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยครับ
เห็นด้วยที่ว่า ธุรกิจพลิกโลกส่วนใหญ่ ก็มักจะมีต้นกำเนิดมาจาก Start-up เล็กๆ ทั้งสิ้น
ส่วนที่ไม่เห็นด้วยก็คือ...การให้แต่เงินทุนกับ Start-up นั้น ยังไม่พอ แต่ต้องมีการ supervise อย่างเหมาะสมด้วย
ย้ำว่า ผมใช้คำว่า “supervise” นะครับ...ไม่ใช่ “control”
เพราะมันสำคัญมากๆ ที่ Investor จำเป็นจะต้องให้อิสระและความไว้วางใจแก่ผู้ก่อตั้ง Start-up...มากพอที่จะขับเคลื่อนความฝันที่วาดไว้
...
ถึงตรงนี้ ไม่ได้หมายความว่า ผมเห็นดีเห็นงามให้ทุกคนลุกขึ้นมาทำ Start-up...
เพราะในความเป็นจริง Start-up น่ะ...มันไม่ได้สำเร็จได้ง่ายขนาดนั้น (ลองอ่าน Post#5-289 ประกอบ นะครับ)
ข้อเตือนใจที่ผมอยากฝากหนุ่มสาวที่มีความฝันจะทำ Start-up ทั้งหลาย...ก็คือ
ต้องสร้างให้ตัวเองมีสำนึกในสิ่งที่ตัวเองริเริ่มให้ได้เสียก่อน
...ก่อนที่เราจะมีจิตสำนึกมากพอ ที่จะรับผิดชอบกับเงินทุนและทีมงาน ที่ไปขอมาทำความฝันของเราให้เป็นจริง...
#NoteToSelf:
- ถ้าคิดจะทำ Start-up เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง...ก็เท่ากับล้มเหลวไปแล้วกว่าครึ่ง เพราะแปลว่า เราไล่คว้าเงิน มากกว่าไล่คว้าฝันที่มี
- ลองไล่ดูก็ได้ว่า Start-up ที่พลิกโลก ก็ล้วนแต่ทำเงินมหาศาลหลังจากเติมเต็มความฝันของผู้ก่อตั้งและผู้คนรอบข้าง...ใช่หรือไม่?
- หนุ่มสาวเอย...อย่าให้ใครมาตราหน้าว่า ร่ำรวยบนความล่มจมของคนอื่นเลย...หรืออยากมีชีวิตอย่างอดสูแต่ท้องอิ่มไปจนดินกลบหน้า?
Comments
Post a Comment