Skip to main content

Posts

Showing posts from June, 2018

Post#5-297: สิ่งที่เห็น vs สิ่งที่ไม่ได้เห็น

Post#5-297: ผมพบตัวเองอยู่ที่จังหวัดใกล้ๆ กรุงเทพฯ ... เพื่อมาดูกิจการหนึ่ง ตามคำเชิญ ( แกมบังคับ ) ของญาติผู้ใหญ่ของผม แม้ว่าจะต้องเดินทางไกล และต้องสละเวลาไปมากโข ... แต่ผมก็ยินดีเล็กๆ ที่มีโอกาสได้ explore ธุรกิจใหม่ๆ ที่ผมไม่คุ้นเคย เรียกว่า ถ้าได้ออกจาก Comfort Zone เมื่อไหร่ ... ผมเป็นได้ระริกระรี้เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ เมื่อนั้น ... เอาจริงๆ ... หลักการกว้างๆ ของการทำแผนธุรกิจ ไม่ว่าประเภทใดนั้น แทบจะไม่ค่อยแตกต่างกันเลย และกิจการ ( โดยเฉพาะกิจการครอบครัว ) ส่วนใหญ่ที่ผมไปทำแผนธุรกิจให้นั้น มักจะมีจุดเริ่มต้นของปัญหาคล้ายๆ กัน ... นั่นก็คือ การขาดการประเมินพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ... หรือหากมีการประเมินอยู่บ้าง ก็ทำได้ไม่ลึกพอ เมื่อเป้าหมายคลุมเครือ ... จึงทำให้กำหนดเส้นทางไปสู่เป้าหมายได้อย่างเลือนลางไปด้วย ... ดังนั้น ก่อนจะเริ่มต้นกิจการใดๆ ... จึงจำต้องมีแผน 1 และแผน 2 ( หรืออาจจะต้องเตรียมไว้ถึงแผน 3 และ 4) ไว้ล่วงหน้า น่าเสียดายที่ส่วนมาก ทำแผนไว้ก็จริง ... แต่เหมือนไม่ได้ทำแผนมากกว่า -“- เพราะมั...

Post#5-296: Right one?

Post#5-296: เป็นธรรมดาที่คนเรามักจะมองหาสิ่งที่ “ ดีที่สุด ” ให้กับตัวเอง แรกๆ ผมก็เชื่อเช่นนี้ล่ะครับ ... แต่เมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆ ... ผมพบว่า สิ่งที่เราควรมองหานั้น ไม่ควรจะเป็นสิ่งที่ “ ดีที่สุด ” หากแต่เป็นสิ่งที่ “ เหมาะที่สุด ” ต่างหาก ... เอาจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกคน , สัตว์ หรือสิ่งของ ... ผมว่ายังไงๆ เราก็ต้องมองหา “ ความลงตัว ” หรือ “Chemistry” ที่ใช่ ซึ่งความลงตัวนั้น ไม่ได้แปลว่าดีที่สุด , น่ารักที่สุด หรือแพงที่สุด ... แต่ต้อง “ ใช่ที่สุด ” สำหรับเรา “We need the right one, not the best one!”... ว่าอย่างนั้น ! ... ยังไงก็ตาม ... เราต้องรู้ว่า ที่ว่า “ ใช่ที่สุด ” น่ะ ... มันสำหรับ “ ช่วงเวลา ” ไหน ? ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เชื่อในเรื่อง “Love at First Sight” นะครับ ... แต่ “Misjudged at First Seen” นั้น น่าจะมีมากกว่า ดังนั้น ใช้เวลาพิจารณาให้นานอีกนิด ก่อนจะสรุปว่าคนนั้น , ตัวนั้น หรือสิ่งนั้น ... คือ “ ใช่ที่สุด ” จริงๆ บางอย่างเราเปลี่ยนได้ , บางอย่างเราไม่ควรเปลี่ยน และบางอย่างเราอาจตายได้ ถ้...

Post#5-295: Ikigai

Post#5-295: เคยถามตัวเองมั๊ยครับ ... ว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้เราลุกขึ้นจากเตียงในทุกๆ เช้า ? ชาวญี่ปุ่น เรียกเจ้าเหตุผลที่ว่านี่ล่ะครับ ... ว่า Ikigai ( อ่านว่า “ อิคิไก ”) อันว่า Ikigai นี้ คือจุดกลางระหว่าง 4 องค์ประกอบ คือ สิ่งที่เรารัก (Passion), สิ่งที่เราเชี่ยวชาญ (Profession), สิ่งที่เราใช้เลี้ยงชีพ (Vocation) และสิ่งที่โลกต้องการ (Mission) ถ้าลองดู Diagram ประกอบ ... น่าจะทำให้เข้าใจ Ikigai ได้มากขึ้นครับ ... Ikigai ต่างจาก “ เหตุผลที่ทำให้ยังอยากหายใจ ” ที่ผมเคยแชร์ไว้ใน Post#5-156 นะครับ ... เพราะมุ่งไปที่เหตุผลที่เกี่ยวข้องกับ “ ตัวเรา ” เป็นการเฉพาะ เท่าที่ผมเข้าใจ ...Ikigai ไม่ได้แปลว่า เราต้องมีทั้ง 4 องค์ประกอบเท่าๆ กันหมด หากแต่เราควรจะมีทั้ง 4 องค์ประกอบอยู่ในชีวิต ... ซึ่งแต่ละบุคคลย่อมมีส่วนผสมที่แตกต่างกันไป และถ้าเราพบว่า เรากำลังทำสิ่งที่เรารักและเชี่ยวชาญ อันเป็นประโยชน์ต่อโลก โดยได้รับผลตอบแทน แล้วล่ะก็ ... นั่นย่อมหมายความว่า เราค้นพบ Ikigai ของเราแล้ว ... นั่นเอง ... ไม่ว่านิยามของ ...

Post#5-294: พร้อมจริงมั๊ย?

Post#5-294: หนึ่งในคำถามยอดฮิตที่ผมได้ยินอยู่เสมอ ... ก็คือ “ ทำไมพี่ไม่ปรับตำแหน่งให้ ผม / หนู สักที ... ผม / หนู ทำงานมาหลายปีแล้วนะครับ / นะคะ ” สิบกว่าปีก่อน ... ผมก็เคยเกือบหลุดปากถามอดีตเจ้านายท่านหนึ่งเหมือนกันครับ ... แต่จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งก้องขึ้นในห้วงนึก ... ว่า แทนที่จะไปถามเจ้านายว่า ทำไมไม่เลื่อนตำแหน่งให้เรา ... ทำไมเราไม่ถามตัวเองก่อน ... ว่าทำไมเราถึงยังเลื่อนตำแหน่งไม่ได้ ? ... เรามั่นใจมั๊ย ... ว่าเราพร้อมแล้วสำหรับตำแหน่งที่สูงขึ้น ? เรามั่นใจมั๊ย ... ว่าเราพร้อมที่จะรับค่าตอบแทนที่มากขึ้น ? สำหรับคำถามข้างต้น ... ส่วนมาก คนเราก็จะตอบว่า “ พร้อม ” เอาใหม่ ... เรารู้มั๊ย ... ว่าตำแหน่งใหม่นั้น จะมาพร้อมหน้าที่และความรับผิดชอบที่มากขึ้น ? เรารู้มั๊ย ... ว่าค่าตอบแทนที่มากขึ้น ก็ย่อมหมายความถึง ความคาดหวังที่เราต้องแบกมากขึ้น ? ยังได้คำตอบว่า “ พร้อม ”... อยู่เหมือนเดิมมั๊ยครับ ? ... เราต้องถามตัวเอง ... สายตาของเรา ... เห็นกว้างและมองไกล พอแล้วรึยังหนอ ? สองปีกของเรา ... แข็งแรงพอที่จะประค...

Post#5-293: ทำตัวให้ “ชอบ”

Post#5-293: ผมได้ยินและได้ฟัง ทั้งคนในครอบครัว , เพื่อน และลูกน้อง มาปรึกษาในประเด็นที่ว่า “ คนอื่นจะคิดถึงเรายังไง ?... อยู่มากครั้งหลายหน เอาจริงๆ เมื่อก่อนผมก็เคยเป็นครับ ... แต่เอาจริงๆ ( อีกที )... ตอนนี้ ผมเฉยเอามากๆ ว่าใครจะคิดถึงเรายังไงบ้าง ? ผมยึดถือหลักการง่ายๆ ว่า ตราบเท่าที่เราไม่ได้ไปทำละเมิดใคร ... ใครจะคิดยังไงกับเรา ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องใส่ใจจนเกินไปนัก ... เวลาทำงานในแต่ละวันนั้นสั้นเพียงแค่ 8-9 ชั่วโมง ซึ่งนับว่าสั้นเอามากๆ ... ดังนั้น ผมว่าเราไม่ควรไปใช้เวลามากนัก กับการมัวแต่หมกมุ่นว่า คนนู้นจะคิดว่าเราเป็นอย่างนี้ หรือคนนี้จะคิดว่าเราเป็นอย่างนั้น เพราะจริงๆ แล้ว แต่ละคนล้วนมี “ เรื่องของตัวเอง ” ให้ปวดหัวมากกว่า , ให้กังวลมากกว่า และให้คิดถึงมากกว่า ... ดังนั้น เราอาจให้ความสนใจคนรอบข้างได้ ... แต่ไม่ใช่ใส่ใจมากเสียจนเราต้องเสียความเป็นตัวเอง และต้องจำไว้ว่า ไม่มีใครทำอะไรให้ใครถูกใจ 100% ได้ตลอดเวลา อย่าใช้เวลาในการกังวลให้มากไป ... ว่าใครกำลังคิดถึงเรายังไง แต่จงใช้เวลามากๆ ในการห่วง...

Post#5-292: อุปสงค์ในตัวเรา

Post#5-292: ทุกๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันดีนะครับ กับคำว่า “Demand” และ “Supply” แต่ยังไงก็ขออนุญาตแปลเป็นไทย และขยายความสักเล็กน้อย ... สำหรับผู้ที่ไม่ได้เรียนมาทางสาย Economic อันว่า Demand ก็คือ “ ความต้องการซื้อ ” และมีศัพท์บัญญัติอันไพเราะว่า “ อุปสงค์ ” ส่วน Supply ก็คือ “ ความต้องการขาย ” ซึ่งก็มีศัพท์บัญญัติเช่นกันว่า “ อุปทาน ” เมื่ออุปสงค์กับอุปทานมาเจอกัน ก็เกิดการซื้อขาย ... ประมาณนี้นะครับ ... สินค้าที่มีราคาแพงนั้น สาเหตุหนึ่งเกิดจาก อุปสงค์มีมากกว่าอุปทาน ... แปลงไทยเป็นไทยอีกทีก็คือ ความอยากซื้อมีมากกว่าความอยากขาย นั่นเอง แปลว่า ถ้าเราหาสินค้าที่คนต้องการมากๆ แต่มีจำนวนค่อนข้างจำกัดได้ ... เราก็ขายสินค้าราคาแพงขึ้นได้ หรือถ้าเราสร้างคุณค่าในตัวสินค้าของเราให้แตกต่างจากคนอื่นๆ ได้ ... เราก็ไม่จำเป็นต้องขายถูกกว่าคนอื่น เช่น เพชร , ทอง นั่นไงครับ ... ที่ราคาสูง ทั้งๆ ที่จริงๆ ก็เป็นแค่ก้อนแร่ แต่มีจำนวนน้อย และถูกนำมาเจียไนเพิ่มคุณค่า หรืออย่างเช่นสินค้า Brand Name ที่มีการตลาดดีเลิศ ... จนพวกเราหลงไหลได้ปลื...