Skip to main content

Post#2-268: Silence & Smile

Post#2-268:
ว่ากันว่า อาวุธสำคัญของคนเราในการระงับปัญหาไม่ให้เกิดขึ้น และใช้ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ก็คือ การวางเฉย และรอยยิ้ม นั่นเองครับ

อย่างที่ฝรั่งว่าไว้ว่า...

"Silence & Smile are two powerful tools. Smile is the way to solve many problems and Silence is the way to avoid many problems."

แปลอีกทีว่า "การเงียบ และการยิ้ม เป็นสองเครื่องมืออันทรงพลัง. การยิ้ม เป็นวิถีในการแก้ปัญหาหลายเรื่อง และการ (รู้จัก) เงียบ (เสียบ้าง) ก็เป็นวิถีในการระงับปัญหาหลายๆ เรื่อง"

...

ในความเป็นจริงแล้ว อาวุธอันทรงพลังทั้งสองนี้...กลับกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนไม่ค่อยจะนำออกมาใช้...ทั้งๆ ที่เราก็เกิดมาพร้อมกับมัน นั่นแหละ

เหตุเพราะ เรามักจะปล่อยให้อารมณ์ครอบงำสติไปเสียหมด...ทำให้เราลืมที่จะงัดอาวุธที่ว่ามาใช้ให้เกิดประโยชน์

ก็แน่ล่ะครับ...ลองถ้าเราปล่อยให้อารมณ์ครอบงำสติได้...ก็ยากครับที่เราจะทำอะไรด้วยตรรกะที่ถูกต้องได้

...

เมื่อใดที่เราระงับโทสะไม่ได้ เราก็มักจะโต้ตอบอีกฝ่ายด้วยความขาดสติ จึงไม่ทันได้หยิบ Silence ขึ้นมาใช้

และเมื่อใดที่เราเผชิญกับปัญหา เราก็มักจะปล่อยให้ความเศร้ามาอยู่เหนือสติ จนทำให้เราหลงลืมที่จะหยิบ Smile มาเป็นอาวุธ

หากเรารู้จักเงียบหรือวางเฉยเสียบ้าง...บางทีปัญหาต่างๆ หรือการทะเลาะเบาะแว้งก็จะไม่เกิดขึ้น

เช่นเดียวกับเวลาที่เราเจอปัญหา ก็ไม่ใช่เอาแต่โศกเศร้า หรือหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่อย่างนั้น ลองยิ้มให้ตัวเองสักนิด...บางทีเมื่อคลายอารมณ์ลงได้ อาจจะเกิด "ดวงตาเห็นธรรม" ในการแก้ปัญหาได้บ้าง

...ดังนั้น เวลาบันดาลโทสะ ก็ต้องรู้จัก "หุบปาก" / ส่วนเวลาจมทุกข์ ก็หัด "ฉีกยิ้ม" เสียบ้างครับ...

Cr: inspirationboost.com

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...