Post#3-290:
แต่เช้าวันนี้ ผมก็มีเรื่องขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานท่านหนึ่ง (สมมติว่าชื่อคุณ X ก็แล้วกันครับ)...เรียกได้ว่า เป็นการเริ่มต้นวันที่ไม่สดสวยเอาเสียเลย
เรื่องของเรื่องก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า แนวทางการทำงานที่ไม่สอดคล้องกัน และผมก็คิดว่า สงสัยผมคงจะทำงานร่วมกันกับคุณ X ต่อไปได้ยาก
เวลามีประเด็นที่เห็นไม่ตรงกัน คุณ X ไม่ค่อยชอบคุยกันต่อหน้า แต่ชอบคิดเองและสรุปเอง ตกลงกันในที่ประชุมอย่างหนึ่ง แต่ถึงเวลาก็ไม่ทำตามที่ตกลงกัน
ยิ่งถ้าใครทำอะไรแล้วไม่ได้ดั่งใจ คุณ X ก็มักพาโลหาเรื่องคนอื่นไปเรื่อย ยิ่งถ้าขัดแย้งกับผม ก็มักจะมาลงกับลูกน้องผมทุกทีไป เพราะทำอะไรผมไม่ค่อยถนัด
…
ส่วนลูกน้องผมก็ช่างแสนดี...ยอมทนเรื่อยมา เพราะไม่อยากให้ผมต้องขัดแย้งกับคุณ X, บอกผมแต่ว่า หนูทนได้ค่ะ หนูทนได้ค่ะ, ผมเองก็จำทน เพราะเห็นแก่นำ้ใจของน้อง มาตลอด
แต่บังเอิญที่ว่า ต่อมความอดทนของผมมันมาถึงขีดจำกัดเมื่อเช้านี้พอดี เพราะทนดูลูกน้องถูกรังแกต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว...ว่าแล้วผมก็เลยซัดกับ คุณ X ไปยกใหญ่...
และเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่อง ผมก็เลยขอถอนตัวออกจากการร่วมสังฆกรรมกับคุณ X เสียเลยดีกว่า...ว่าแล้วผมก็แจ้งหุ้นส่วนทั้งหมดให้ทราบว่า ผมขอถอนตัว และขอให้มอบหมายคนมารับถ่ายงานให้ที เพื่อไม่ให้งานต้องสะดุด
หุ้นส่วนต่างก็งง ว่าเกิดอะไรขึ้น สอบถามผมกันให้วุ่นวาย, ผมก็เลยขอให้พวกเค้าไปสอบถามคุณ X ดูก่อน ส่วนผมขอสงบสติอารมณ์ เพราะไม่ต้องการให้คนอื่นต้องเปื้อนมิจฉาอารมณ์ของผมโดยไม่จำเป็น
…
อย่าว่าผมเอาเพื่อนร่วมงานมานินทาเลยครับ...ถือเสียว่านำมาเล่าสู่กันฟังโดยไม่เอ่ยชื่อให้ต้องวุ่นวายก็แล้วกันครับ
ประเด็นก็คือ ผมคิดว่า ถ้าเราไม่พอใจใครก็ควรจะ clear กับคนนั้น ไม่ใช่ทำอะไรเค้าไม่ได้ ก็ไปลงกับคนรอบข้าง...แบบนี้ ผมเรียกว่า เป็นนิสัย “หมาลอบกัด”
ยิ่งไปลงกับคนไม่มีทางสู้นี่ ผมรับไม่ได้เอาเสียจริงๆ...ทำให้วันนี้ผมต้องตัดสินใจไม่คิดจะร่วมงานกับคุณ X อีกต่อไป
และได้แต่โทรไปขอโทษลูกน้องท่านนั้น ที่กลายเป็นลูกแกะให้หมาป่ามาหาเรื่องอยู่นานพอควร
…
เมื่อวันหนึ่ง เราเป็นผู้ใหญ่...ก็จง
หนึ่ง...อย่าให้ใครมาว่าได้ ว่ารังแกเด็ก
สอง...อย่าให้ใครมาว่าได้ ว่าหน้าอย่างหลังอีกอย่าง
และสาม...อย่าให้ใครมาว่าได้ ว่าเป็นหมาลอบกัด
…จะเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่วัดกันที่การบรรลุนิติภาวะทางร่างกาย หากแต่วัดด้วยนิติภาวะทางสมอง ต่างหาก...
แต่เช้าวันนี้ ผมก็มีเรื่องขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานท่านหนึ่ง (สมมติว่าชื่อคุณ X ก็แล้วกันครับ)...เรียกได้ว่า เป็นการเริ่มต้นวันที่ไม่สดสวยเอาเสียเลย
เรื่องของเรื่องก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า แนวทางการทำงานที่ไม่สอดคล้องกัน และผมก็คิดว่า สงสัยผมคงจะทำงานร่วมกันกับคุณ X ต่อไปได้ยาก
เวลามีประเด็นที่เห็นไม่ตรงกัน คุณ X ไม่ค่อยชอบคุยกันต่อหน้า แต่ชอบคิดเองและสรุปเอง ตกลงกันในที่ประชุมอย่างหนึ่ง แต่ถึงเวลาก็ไม่ทำตามที่ตกลงกัน
ยิ่งถ้าใครทำอะไรแล้วไม่ได้ดั่งใจ คุณ X ก็มักพาโลหาเรื่องคนอื่นไปเรื่อย ยิ่งถ้าขัดแย้งกับผม ก็มักจะมาลงกับลูกน้องผมทุกทีไป เพราะทำอะไรผมไม่ค่อยถนัด
…
ส่วนลูกน้องผมก็ช่างแสนดี...ยอมทนเรื่อยมา เพราะไม่อยากให้ผมต้องขัดแย้งกับคุณ X, บอกผมแต่ว่า หนูทนได้ค่ะ หนูทนได้ค่ะ, ผมเองก็จำทน เพราะเห็นแก่นำ้ใจของน้อง มาตลอด
แต่บังเอิญที่ว่า ต่อมความอดทนของผมมันมาถึงขีดจำกัดเมื่อเช้านี้พอดี เพราะทนดูลูกน้องถูกรังแกต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว...ว่าแล้วผมก็เลยซัดกับ คุณ X ไปยกใหญ่...
และเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่อง ผมก็เลยขอถอนตัวออกจากการร่วมสังฆกรรมกับคุณ X เสียเลยดีกว่า...ว่าแล้วผมก็แจ้งหุ้นส่วนทั้งหมดให้ทราบว่า ผมขอถอนตัว และขอให้มอบหมายคนมารับถ่ายงานให้ที เพื่อไม่ให้งานต้องสะดุด
หุ้นส่วนต่างก็งง ว่าเกิดอะไรขึ้น สอบถามผมกันให้วุ่นวาย, ผมก็เลยขอให้พวกเค้าไปสอบถามคุณ X ดูก่อน ส่วนผมขอสงบสติอารมณ์ เพราะไม่ต้องการให้คนอื่นต้องเปื้อนมิจฉาอารมณ์ของผมโดยไม่จำเป็น
…
อย่าว่าผมเอาเพื่อนร่วมงานมานินทาเลยครับ...ถือเสียว่านำมาเล่าสู่กันฟังโดยไม่เอ่ยชื่อให้ต้องวุ่นวายก็แล้วกันครับ
ประเด็นก็คือ ผมคิดว่า ถ้าเราไม่พอใจใครก็ควรจะ clear กับคนนั้น ไม่ใช่ทำอะไรเค้าไม่ได้ ก็ไปลงกับคนรอบข้าง...แบบนี้ ผมเรียกว่า เป็นนิสัย “หมาลอบกัด”
ยิ่งไปลงกับคนไม่มีทางสู้นี่ ผมรับไม่ได้เอาเสียจริงๆ...ทำให้วันนี้ผมต้องตัดสินใจไม่คิดจะร่วมงานกับคุณ X อีกต่อไป
และได้แต่โทรไปขอโทษลูกน้องท่านนั้น ที่กลายเป็นลูกแกะให้หมาป่ามาหาเรื่องอยู่นานพอควร
…
เมื่อวันหนึ่ง เราเป็นผู้ใหญ่...ก็จง
หนึ่ง...อย่าให้ใครมาว่าได้ ว่ารังแกเด็ก
สอง...อย่าให้ใครมาว่าได้ ว่าหน้าอย่างหลังอีกอย่าง
และสาม...อย่าให้ใครมาว่าได้ ว่าเป็นหมาลอบกัด
…จะเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่วัดกันที่การบรรลุนิติภาวะทางร่างกาย หากแต่วัดด้วยนิติภาวะทางสมอง ต่างหาก...
Comments
Post a Comment