Post#3-291:
เกือบทั้งวันของวันนี้ ผมมีอันต้องแปรสภาพตัวเองไปเป็น Tour Guide ให้กับลูกน้องใหม่ 2 ท่าน ในการไปเยี่ยมร้านของลูกค้าที่ทางผมค้าขายอยู่
จริงๆ แล้ว เรียกว่าเป็น On-the-job Training ก็น่าจะเหมาะสมกว่าล่ะครับ...
ผมชอบให้ลูกน้อง ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งไหนก็ตาม มีโอกาสลงพื้นที่หน้างานจริง...เพื่อให้เข้าใจสภาพที่แท้จริงของการค้าขาย ไม่ใช่ขลุกอยู่แต่ใน Office แล้วก็แค่ดู Report
แม้กระทั่งตำแหน่งนักสถิติวิเคราะห์หรือกระทั่งน้องที่ทำบัญชี ผมก็ไม่เห็นว่าจะเสียหายตรงไหน, ถ้าจะเชิญให้เค้าหรือเธอได้มีโอกาสไปเห็นความจริง และให้พวกเค้ารับรู้ว่า หลังบ้านจะต้องสนับสนุนงานอะไรให้กับหน้าบ้านบ้าง
…
สำหรับผมแล้ว การทำ On-the-job Training ถือเป็นหนึ่งในวิธีการสอนงานที่ได้ผลที่สุด เพราะเป็นการทำให้น้องๆ เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติไปพร้อมๆ กันได้
ส่วนมากที่การถ่ายทอดองค์ความรู้ ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรน่ะ เกิดจากการรู้โดยไม่ทำ (เน้นแต่ภาคทฤษฎี) กับการทำโดยไม่รู้ (เน้นแต่ภาคปฏิบัติ)
เมื่อ "รู้" แล้วได้ "ลงมือทำ"...จึงทำให้เข้าใจได้แจ่มแจ้งแทงตลอด...
เมื่อ "ลงมือทำ" แล้วจึงเข้าใจว่า ทำไมทฤษฎีจึงเขียนไว้แบบนั้น...ต่อไปจะนำองค์ความรู้นี้ไปสอนใคร ก็จะแน่นทั้ง "บุ๋น" และ "บู๊"
...
ที่ผมเคยเล่าให้ฟังถึงเรื่องการทำงานของทีมงาน ในประเด็นของการลงมือทำอะไรก็ตาม โดยไม่รู้เลยว่า งานที่ตัวเองกำลังทำนั้น ส่งผลอะไร...ก็เกิดจากความหย่อนยานของการสอนงาน ด้วยเช่นกันครับ
ยังไงก็ตาม...ก็อย่ามัวโทษกันไปๆ มาๆ เลยครับ...เพราะผมมองว่า ความผิดของการทำงานแบบขอไปทีนั้น ก็เกิดจากคนทั้งสองกลุ่มนั่นแหละ
กลุ่มแรก...ก็คือกลุ่มเจ้านายที่มีหน้าที่สอนงาน แต่ไม่ใส่ใจที่จะสอน คิดแบบมักง่ายว่า อยู่ๆ ไปเดี๋ยวน้องก็จะทำได้เอง
กลุ่มที่สอง...ก็คือกลุ่มลูกน้องที่ไม่มีใครสอนงาน แล้วตัวเองก็ไม่เคยคิดจะขวนขวายให้ตัวเองรู้ เอาแต่โทษเจ้านาย ว่าไม่ยอมสอน
...
สังเกตอะไรได้มั๊ยครับ?
ว่าเจ้านายแบบคนกลุ่มแรก ก็เติบโตมาจากลูกน้องในกลุ่มที่สองนั่นเอง...
เมื่อเคยเป็นลูกน้องที่ไม่ใส่ใจในงาน ก็เลยกลายเป็นเจ้านายที่เติบโตมาแบบสมองกลวง หรือได้ดีโดยเส้นทางทรราชย์...จึงไม่มีความรู้ติดตัว, ก็แล้วจะเอาอะไรไปสอนน้อง?
ดังนั้น เราจึงควรหันไปดูคนที่เจริญเติบโตในหน้าที่การงาน กลายเป็นเจ้าคนนายคนแบบถูกวิถี ไว้เป็นแบบอย่าง
แปลว่า...เค้าเหล่านั้น ที่เป็นนายที่ดี ควรแก่การเป็นนายของเราได้ ย่อมเกิดจากเค้าต้องเป็นลูกน้องที่ "เอาถ่าน" มาก่อน
...อนาคตอยากเป็นแบบไหนกันล่ะครับ, มันจะอยู่ที่ใคร...ถ้าไม่ใช่ตัวเราเอง...
เกือบทั้งวันของวันนี้ ผมมีอันต้องแปรสภาพตัวเองไปเป็น Tour Guide ให้กับลูกน้องใหม่ 2 ท่าน ในการไปเยี่ยมร้านของลูกค้าที่ทางผมค้าขายอยู่
จริงๆ แล้ว เรียกว่าเป็น On-the-job Training ก็น่าจะเหมาะสมกว่าล่ะครับ...
ผมชอบให้ลูกน้อง ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งไหนก็ตาม มีโอกาสลงพื้นที่หน้างานจริง...เพื่อให้เข้าใจสภาพที่แท้จริงของการค้าขาย ไม่ใช่ขลุกอยู่แต่ใน Office แล้วก็แค่ดู Report
แม้กระทั่งตำแหน่งนักสถิติวิเคราะห์หรือกระทั่งน้องที่ทำบัญชี ผมก็ไม่เห็นว่าจะเสียหายตรงไหน, ถ้าจะเชิญให้เค้าหรือเธอได้มีโอกาสไปเห็นความจริง และให้พวกเค้ารับรู้ว่า หลังบ้านจะต้องสนับสนุนงานอะไรให้กับหน้าบ้านบ้าง
…
สำหรับผมแล้ว การทำ On-the-job Training ถือเป็นหนึ่งในวิธีการสอนงานที่ได้ผลที่สุด เพราะเป็นการทำให้น้องๆ เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติไปพร้อมๆ กันได้
ส่วนมากที่การถ่ายทอดองค์ความรู้ ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรน่ะ เกิดจากการรู้โดยไม่ทำ (เน้นแต่ภาคทฤษฎี) กับการทำโดยไม่รู้ (เน้นแต่ภาคปฏิบัติ)
เมื่อ "รู้" แล้วได้ "ลงมือทำ"...จึงทำให้เข้าใจได้แจ่มแจ้งแทงตลอด...
เมื่อ "ลงมือทำ" แล้วจึงเข้าใจว่า ทำไมทฤษฎีจึงเขียนไว้แบบนั้น...ต่อไปจะนำองค์ความรู้นี้ไปสอนใคร ก็จะแน่นทั้ง "บุ๋น" และ "บู๊"
...
ที่ผมเคยเล่าให้ฟังถึงเรื่องการทำงานของทีมงาน ในประเด็นของการลงมือทำอะไรก็ตาม โดยไม่รู้เลยว่า งานที่ตัวเองกำลังทำนั้น ส่งผลอะไร...ก็เกิดจากความหย่อนยานของการสอนงาน ด้วยเช่นกันครับ
ยังไงก็ตาม...ก็อย่ามัวโทษกันไปๆ มาๆ เลยครับ...เพราะผมมองว่า ความผิดของการทำงานแบบขอไปทีนั้น ก็เกิดจากคนทั้งสองกลุ่มนั่นแหละ
กลุ่มแรก...ก็คือกลุ่มเจ้านายที่มีหน้าที่สอนงาน แต่ไม่ใส่ใจที่จะสอน คิดแบบมักง่ายว่า อยู่ๆ ไปเดี๋ยวน้องก็จะทำได้เอง
กลุ่มที่สอง...ก็คือกลุ่มลูกน้องที่ไม่มีใครสอนงาน แล้วตัวเองก็ไม่เคยคิดจะขวนขวายให้ตัวเองรู้ เอาแต่โทษเจ้านาย ว่าไม่ยอมสอน
...
สังเกตอะไรได้มั๊ยครับ?
ว่าเจ้านายแบบคนกลุ่มแรก ก็เติบโตมาจากลูกน้องในกลุ่มที่สองนั่นเอง...
เมื่อเคยเป็นลูกน้องที่ไม่ใส่ใจในงาน ก็เลยกลายเป็นเจ้านายที่เติบโตมาแบบสมองกลวง หรือได้ดีโดยเส้นทางทรราชย์...จึงไม่มีความรู้ติดตัว, ก็แล้วจะเอาอะไรไปสอนน้อง?
ดังนั้น เราจึงควรหันไปดูคนที่เจริญเติบโตในหน้าที่การงาน กลายเป็นเจ้าคนนายคนแบบถูกวิถี ไว้เป็นแบบอย่าง
แปลว่า...เค้าเหล่านั้น ที่เป็นนายที่ดี ควรแก่การเป็นนายของเราได้ ย่อมเกิดจากเค้าต้องเป็นลูกน้องที่ "เอาถ่าน" มาก่อน
...อนาคตอยากเป็นแบบไหนกันล่ะครับ, มันจะอยู่ที่ใคร...ถ้าไม่ใช่ตัวเราเอง...
Comments
Post a Comment