Skip to main content

Post#2-277: มัดมือชก

Post#2-277:
โดยส่วนตัวผมเกลียด (ไม่ใช่ "ไม่ชอบ" นะครับ แต่ "เกลียด") วิธีการแบบมัดมือชกเป็นที่สุด

ปกติผมจะให้พื้นที่ทำงานกับคนรอบข้างมากเป็นพิเศษ...เรียกว่า ตราบใดที่อยู่ในกรอบการทำงานที่ตกลงกันไว้...จะยืน จะเดิน จะนั่ง หรือจะนอน ก็ตามสบาย...ตราบเท่าที่ไม่ล้ำเส้น ผมก็ไม่มีปัญหา

แต่ถ้ามาพร้อมกับการ "บีบ" หรือ "มัดมือชก" ให้ผมต้องยอมกับการตัดสินใจที่เค้าหรือเธอทำไป โดยเอาเงื่อนเวลาและบริษัทฯ เป็นตัวประกัน แล้วล่ะก็...แบบนี้ผมไม่ ok

...

ส่วนใหญ่แล้ว "การมัดมือชก" ของลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงาน มักเกิดจากไม่กี่สาเหตุ

ที่ผมเจอด้วยตัวเองและวิเคราะห์เอง ก็มักเกิดจาก...

หนึ่ง...ไม่อยากทำงานเยอะ, อยากทำงานง่ายๆ ก็พอ, ก็ทำแค่นี้ก็พอแล้ว จะเอาอะไรมากมาย...ซึ่งเราจะพบนิสัยแบบนี้ได้กับพวกชอบทำงาน routine และพวกไม่มองความก้าวหน้าของตัวเอง

สอง...เจ้านายสั่งงานไปแล้ว, แต่ตัวเองลืม (และไม่ค่อยยอมรับว่าตัวเองลืม) พอใกล้ๆ deadline ก็เลยจำต้องใช้ไม้ตายเอาตัวรอด ทำแบบขอไปที

สาม...เกิดจาก ego ส่วนตัว เป็นพวกฉันจะทำเสียอย่าง ใครจะทำไม...แบบนี้พบได้บ่อยๆ กับพวกตำแหน่งระดับใกล้ๆ กัน หรือตำแหน่งสูงกว่า

สี่...พวกเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง คือไม่ว่าจะประชุมกันก็แล้ว หรือหลายๆ คนคัดค้านก็แล้ว...ก็ไม่สนใจ, ก็ฉันจะทำของฉันแบบนี้

...

ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตาม...

ถ้าคุณเป็นลูกน้อง...ถือว่าคุณไม่ให้เกียรติและไม่ให้ความเคารพต่อเจ้านาย และที่สำคัญ คุณกำลังทำให้ความเชื่อมั่นและความไว้ใจที่เจ้านายมีต่อคุณ สั่นคลอนในระดับ 7 ริกเตอร์ฯ

ถ้าคุณทำแบบนี้กับเพื่อนร่วมงาน...คุณกำลังผลักตัวเองไปสู่ความโดดเดี่ยว และต่อไปคุณจะเป็นคนที่ไม่อยากมีใครทำงานด้วย

ถ้าคุณเป็นเจ้านาย...คุณกำลังผลักลูกน้องให้เป็นพวกไม่กล้าคิด, ไม่ชอบคิด และไม่อยากคิด...เพราะคิดอะไรไป คุณก็จะล้มล้างสิ่งที่พวกเค้านำเสนออยู่ดี

...ถ้าคุณอยากจะทำในแบบของคุณ ก็ไม่ต้องขออนุญาตและไม่ต้องขอความเห็นจากใคร...แต่มั่นใจใช่มั๊ยครับ ว่ารับผิดชอบผลลัพธ์ไหว...

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...