Skip to main content

Post#3-289: สืบค้นต้นตอของปัญหา

Post#3-289:
ผมใช้เวลาช่วงบ่ายแก่ๆ วันนี้ เพื่อประชุมกับทีมงานของบริษัทแห่งหนึ่ง...เป็นการประชุมแบบ non-stop ประมาณ 4 ชั่วโมงเต็มๆ

ประเด็นที่ประชุมกัน เป็นเรื่องของการปรับปรุงขั้นตอนกระบวนการทำงาน รวมไปถึงการวิเคราะห์หาสาเหตุที่ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

มีการตั้งสมมติฐานกันต่างๆ นาๆ และลงท้ายด้วยการมอบหมายงานให้แต่ละท่าน ไปตรวจสอบเพิ่มเติมว่า สมมติฐานที่ตั้งไว้ มีความถูกต้องหรือไม่...จะได้นำกลับมาปรับปรุงต่อได้

ประเด็นที่คุยกันนั้น ค่อนข้างเครียด ผมจึงต้องพยายามอย่างมากที่ต้องประคับประคองไม่ให้น้องๆ เครียดเกินไป...จึงต้องสอดแทรกเรื่องเล่าและหยอดอารมณ์ขันเข้าไปด้วยอยู่ตลอดเวลา

...


สังเกตมั๊ยครับ...เวลาประชุมเรื่องเครียดๆ เรามักจะหิวมากเป็นพิเศษ...ยิ่งถ้าเราเป็นคนนำประชุม ที่ต้องดูแลผู้เข้าร่วมประชุมทุกคน ให้จดจ่ออยู่กับเนื้อหาด้วยแล้ว เรายิ่งต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติ

เมื่อสงสัยว่า ทำไมผมหิวขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เวลาเดียวกันของวันอื่นๆ ผมไม่เห็นจะรู้สึกหิวแบบนี้เลย...

น่าจะเป็นเพราะ ผมใช้พลังไปกับการคิดมากเป็นพิเศษรึเปล่า?

...

จากนั้น ผมก็ลองตรวจสอบดูว่า ข้อสงสัยของผมถูกต้องมั๊ย...เริ่มต้นจากการสอบถามอากู๋ (Google) ดูล่ะครับ...

แล้วก็ไปเจอกระทู้หนึ่งใน Pantip ที่มีคนสงสัยแบบเดียวกับผมเลย (ใครสนใจลองอ่านดูตาม link ที่แปะไว้ให้นะครับ)

โดยสรุป ก็คือ ที่หิวแบบนี้ เพราะเวลาใช้ความคิด สมองคงดึงพลังงานจากเซลล์มาใช้เยอะมาก...ทำให้ร่างกายสั่งให้เลือดลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารมายังสมองเยอะตามไปด้วย

เมื่อเกิดการเผาผลาญพลังงานมาก...จึงทำให้เราหิวเร็วกว่าปกติ

...

ทั้งการขอให้ทีมงานไปตรวจสอบสมมติฐานและการที่ผมตั้งคำถามกับตัวเองนั้น...ล้วนวางอยู่บนรากฐานเดียวกัน

นั่นก็คือ การกระตุ้นให้เราสืบค้นให้รู้ถึงต้นตอของปัญหา...

เพราะเมื่อใดก็ตาม ที่ค้นเจอว่าปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่จุดไหน...เมื่อนั้น เราจึงจะแก้ปัญหาได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดนั่นเองครับ

...หากอยากหายป่วย ต้องรู้ที่มาของอาการป่วย ฉันใด...หากอยากแก้ปัญหา จึงจำต้องรู้ต้นตอของปัญหา ฉันนั้นครับ...

http://m.pantip.com/topic/30069510?

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...