Skip to main content

Post#3-270: What you can become...

Post#3-270:
ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากมีชีวิตที่เหนื่อยยาก...ทุกคนน่าจะอยากสบาย ไม่ต้องทำงานก็มีเงินใช้

แต่เอาเข้าจริงๆ เมื่อผมได้มีโอกาสเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความเห็นกับนักธุรกิจใหญ่และเจ้าของกิจการระดับประเทศ หลายๆ ท่าน...ทุกท่านต่างก็ลงความเห็นคล้ายๆ กันว่า...

เมื่อช่วงก่อร่างสร้างตัว ก็อาจจะใช่ที่เรามุ่งทำงานหนักก็เพื่อเงิน...แต่เมื่อถึงช่วงอายุและฐานะหนึ่ง เราจะทำงานโดยมุ่งไปที่ "ความท้าทาย" เป็นหลัก

เราจะอยากรู้ว่า เราจะสามารถเติบโตไปได้ไกลแค่ไหนกันแน่?

...

ผมไม่อาจฟันธงได้ว่า สิ่งที่ท่านผู้ประสบความสำเร็จอย่างล้นเหลือได้แชร์มานั้น ถูกต้องมากน้อยประการใด...เพราะผมยังไปไม่ถึงจุดที่ท่านยืนอยู่

แต่ผมก็เชื่อท่าน...เพราะสิ่งที่ท่านพูดนั้น มันปรากฏให้ผมเห็นเป็นรูปธรรมอยู่ตรงหน้า อีกทั้งมองไม่เห็นเหตุผลประการใดที่ท่านจะมาพูดเรื่องไม่จริงให้ผมฟัง

ผมชอบเวลาที่ท่านเล่าถึงวิธีคิดเมื่อเจออุปสรรค และท่านแชร์ให้ฟังว่า ก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ที่ว่าได้อย่างไร...เพราะมันสร้างแรงบันดาลใจ และจุดประกายความคิดให้กับผมไปพร้อมๆ กัน

...

ตามความเห็นของผมแล้ว ผมเชื่อว่าสิ่งที่ท่านผู้ใหญ่ทั้งหลายถ่ายทอดมา...อาจจะสรุปได้ด้วยวาทะนี้ครับ

"If you don't challenge yourself, you will never realize what you can become."

แปลตามสำนวนของผมได้ว่า "หากเจ้าไม่ท้าทายตัวเจ้าเองแล้ว, เจ้าก็จะไม่มีวันรู้ ว่าเจ้าจะเติบโตไปได้ถึงไหน"

...

แม้ว่าเงินจะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับใครหลายๆ คน...แต่กับอีกหลายๆ คนเช่นกัน ที่มองว่า การได้เงินมาง่ายจนเกินไป อาจหมายถึง งานที่ (คงจะ) น่าเบื่อ

เราจึงเห็นนักเตะที่ขอย้ายทีม เพื่อโอกาสที่จะได้ลงเล่น...

เราจึงเห็นคนที่ย้ายงานที่มั่นคง ไปสู่งานที่ตรงกับความฝัน...

ทั้งสองตัวอย่างที่ว่านั้น...แม้ว่าอาจจะทำให้มีเงินทำให้อิ่มท้องน้อยลงบ้าง...แต่ก็แลกมาด้วยความอิ่มใจที่ได้เดินตามฝันของตัวเอง และได้ท้าทายตัวเอง

...ไม่รู้สิครับ ผมขอสรุปว่า เมื่อใดที่เราหยุดท้าทายตัวเอง...เราก็เริ่มนับถอยหลังสู่ความถดถอยแล้วกระมังครับ...

Cr. thedailyquotes.com

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...