Skip to main content

Post#4-148: "เค้า" คือใคร?

Post#4-148:
ก็อย่างที่จั่ว Topic ไว้นั่นล่ะครับ...

"เค้า" คือใคร?

สารภาพว่าผมเพลียจิตมาก เวลาประชุมกับลูกน้อง แล้วได้รับคำอธิบายเรื่องอะไรก็ตามที่มีการเอ่ยคำว่า "เค้าบอกว่าอย่างนั้น" หรือ "เค้าว่ามาอย่างนี้"

เพราะฟังจนจบแล้ว ก็ยังไม่รู้เลยว่า "เค้า" นี่คือใคร (ฟะ)?

...

"เขา" (ภาษาเขียน) หรือ "เค้า" (ที่เราออกเสียงกัน) จึงเหมาะควรในการใช้เป็นสรรพนามแทนบุรุษที่ 3 ในกรณีที่เรามั่นใจว่า คู่สนทนา รู้ว่าเราหมายถึงใครแน่ๆ

เช่น A พูดกับ B ว่า "วันก่อนไปงานเลี้ยงรุ่น เจอพี่บอย เค้ายังถามถึงแกเลย"...แบบนี้ B จะเข้าใจได้ทันทีว่า "เค้า" หมายถึง "พี่บอย"

แต่ถ้า A พูดกับ B ว่า "วันก่อนไปกินข้าวมา เค้ายังถามถึงแกเลย"...แบบนี้ B จะรู้มั๊ยครับ ว่า "เค้า" คือใคร (ฟะ)?

...

บ่อยครั้ง "เค้า" ที่ว่า ก็ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริงนะครับ...เป็น "คนเล่า" นั่นเอง ที่กุเรื่องขึ้นมาฝอยเป็นคุ้งเป็นแคว

อาจจะมีเจตนาแฝงหรืออายที่จะบอกว่า ตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนเริ่มเรื่อง หรืออาจจะอยากเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเรื่องที่เล่า ก็เป็นได้

การอ้างว่า คนอื่นเป็นคนพูด ไม่ใช่ฉันพูดนะ...จึงเป็นเหมือนการสร้างปราการกั้นไว้ชั้นหนึ่งก่อน ซึ่งโดยมากมักเป็นเรื่องที่คนเล่าไม่มั่นใจนัก และมักไม่ใช่เรื่องดี หรืออาจจะรวมความเป็นเรื่อง "ไม่จริง" เข้าไปอีกด้วย

...

แล้วก็แปลกจริง ที่ส่วนไม่น้อยเลยของคนสมัยนี้ ไม่ค่อยจะสงสัยถึงตัวตนของ "เค้า" กันสักเท่าไหร่

ก็ "เค้า" ว่ามาอย่างนั้น ก็เลยเอามาเล่าต่ออีกที...ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่า เรื่องนั้นสมเหตุสมผลมั๊ย, จริงรึเปล่า หรือมีเจตนาอะไรแฝงอยู่

ก็แล้วทำไม "เค้า" (ที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร) ว่ามาแบบนั้น นู้น นี้ แล้วคุณเมิงเชื่อเค้าง่ายจัง (ฟะ)...พูดแล้วขึ้น ^^

...

ลูกน้องและทีมงานทั้งหลาย ควรจดจำให้ขึ้นใจไว้ว่า เวลาอธิบายเรื่องราวต่างๆ นั้น เราควรจะระบุให้ชัดเจนไปเลย ว่าใครเป็นคนพูด...ไม่ใช่ "เค้า"

ถ้าไม่แน่ใจจริงๆ ว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้น มาจากไหนแน่...ก็ควรเกริ่นก่อนสักนิด ว่าไม่แน่ใจว่าข้อมูลนี้จะถูกต้องมั๊ย เพราะได้ยินมาจากใครก็ว่าไป

แต่เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เราดันไปนำเสนอนายว่า "ข้อมูลนี้ หนูฟังมาจากเค้าอีกที"...นอกจากนายจะไม่อาจเชื่อถือข้อมูลที่ไม่อาจระบุแหล่งที่มาได้แล้ว ยังจะต้องมางงอีกด้วยว่า "เค้า" นี่คือใครกันแน่?

...ส่วนใครจะพูด "เค้า" กับ "ตัวเอง"...อันนี้ผมไม่ยุ่งครับ...

#ตกลงเค้านี่ใคร #ถ้าไม่รู้ว่าเค้าเป็นใครทำไมถึงเชื่อ #เอาจริงๆเค้าพูดหรือเมิงกันแน่ที่พูด

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...