Skip to main content

Post#4-152: เศษกรวดในรองเท้า

Post#4-152:
ผมเชื่อว่าแทบทุกคนคงเคยประสบเหตุการณ์ที่มีเศษกรวดหรือเศษทรายหลงเข้าไปอยู่ในรองเท้า

แม้ว่ามันจะเป็นเศษเล็กๆ แต่กลับสร้างความรำคาญให้เราได้ไม่น้อยเลย...

หากปล่อยไว้ ไม่หยุดเดินเพื่อหยิบมันออก...นอกจากจะทำให้เดินได้ช้าแล้ว เผลอก้าวผิดจังหวะ เจ้ากรวดเล็กๆ ที่คิดว่าไม่มีพิษสง อาจจะทิ่มฝ่าเท้าให้เจ็บปวดเหลือแสนได้ง่ายๆ

...

ชีวิตจริงของเรา ต่างก็มีเรื่องบางเรื่องที่เปรียบเสมือนกรวดเล็กๆ ที่ว่า

หากไม่รีบเคลียร์เรื่องที่คาใจนี้ไปเสีย...เราก็ยังคงต้องแบกมันไว้อยู่อย่างนั้น

บางคนทนแบกเรื่องคาใจไว้เป็น 10 ปี, อย่างน้อยๆ ก็รำคาญใจทุกวัน และอย่างเลวร้ายก็ทำให้ทรมานทั้งหัวใจและวิญญาณ

...

บางเรื่องที่เก็บไว้เสียหลายปี อาจเป็นแค่เราทึกทักไปเองอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยก็เป็นได้

หลงโกรธเพื่อนอยู่เป็นปีๆ พอมาเคลียร์กัน กลับพบว่า เพื่อนไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าทำให้เราโกรธ...เสียดายเวลามั๊ยล่ะ ทีนี้?

บางเรื่องก็อาจสายไปเสียแล้ว เมื่อเรามานั่งเคลียร์กันภายหลัง หลังจากเก็บไว้ในอกอยู่นับ 10 ปี...เช่น แอบชอบเพื่อนคนหนึ่งสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แล้วดันมาสารภาพกับเธอในภายหลัง...

แต่มันเป็นวันที่เธอมีคนอื่นอยู่ข้างๆ แล้ว และพบว่า แท้จริง ตอนนั้น เธอก็แอบชอบเราอยู่เหมือนกัน...เสียดายมั๊ยล่ะ โอกาสที่จะได้มีความสุขด้วยกัน มันอันตรธานไปเสียแล้ว

โทษใครดี?

...

สำหรับผม...มันไม่ได้เป็นการเสียเวลาสักเท่าไหร่เลยครับ กับแค่การหยุดเดิน ถอดรองเท้า แล้วก็เคาะหรือกยิบเจ้าเศษกรวดที่ว่านั้นออกไปเสีย

แม้ว่ารองเท้าอาจจะถอดยากไปบ้าง หรือแม้ว่าการหยุดเคาะเศษกรวดอาจจะทำให้เราเดินช้าไปบ้าง...แต่ก็ดีกว่าการเดินไปข้างหน้าด้วยมีเศษกรวดทิ่มแทงให้เป็นที่รำคาญไปตลอดทางแน่ๆ

...ชีวิตของคนเรานี้แสนสั้น...ดังนั้น อย่าให้เรื่องราวที่เสมือนก้อนกรวดเล็กๆ นี้ มาทำให้เวลาที่แสนสั้น ต้องสูญเปล่าไปอย่างน่าเสียดายอีกเลยครับ...

#กรวดทิ่มแทงเท้าเรื่องบางเรื่องทิ่มแทงใจ #เรื่องดีๆเก็บใส่ใจ #บางเรื่องเก็บก็รกใจ #ทึกทักไปเองก็เจ็บเอง #แบกความไม่เข้าใจไว้ได้อะไรนอกจากทุกข์

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...