Skip to main content

Post#4-171: สร้าง connection ทางธุรกิจ

Post#4-171:
ด้วย connection ในกลุ่มเพื่อนๆ ที่ทำงานอยู่ด้วยกัน...ผมจึงได้รับโอกาสมากมายในการเข้าถึงธุรกิจใหม่ๆ

แน่นอนว่า "โอกาส" ที่ว่านั้น...มีมากเกินกว่าที่ผมจะลงมือทำได้ทั้งหมดในคราวเดียว...เพราะรู้ตัวเองดีว่า มีทรัพยากรในมือไม่มากพอ

บ่อยครั้ง จึงต้องตัดสินใจ "ทิ้ง" โอกาสบางอย่างไปโดยไม่ลังเล...เพื่อไม่ให้ผู้หยิบยื่นโอกาสให้ ต้องมาเสียเวลา

และบ่อยครั้ง ที่ผมก็ส่งผ่าน "โอกาส" ที่ว่า ไปยังกลุ่มเพื่อนๆ ที่ผมพิจารณาเบื้องต้นแล้วว่า มีศักยภาพมากพอที่จะได้รับ "โอกาส" นั้นไป

...

อย่างไรก็ตาม...บ่อยครั้งอีกเช่นกัน ที่ความเป็นจริงนั้น ก็ไม่ได้สวยงามเสมอไป

ที่พูดแบบนี้ ก็เพราะไม่น้อยหนเลย ที่ผมต้องกลายเป็น "ผู้ว่าความ"...ในยามที่เกิดความไม่ลงตัวระหว่าง "ผู้ให้โอกาส" และ "ผู้รับโอกาส"

แต่ละครั้งที่เกิดปัญหา ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องสนุก...และผมเอง ก็ไม่ได้ชอบใจเลย ที่ต้องกลายมาเป็น "คนกลาง" อยู่บ่อยๆ

...แต่กระนั้น ผมก็ยังคิดเสมอว่า หากตัวเองรับ "โอกาส" ใดไว้ไม่ได้...ผมก็ยังคงจะยินดี ที่จะส่งผ่าน "โอกาส" นั้นๆ ไปให้เพื่อนๆ อยู่ดีนั่นเอง

...

ที่ผมยังคงยืนยันในความตั้งใจเดิม แม้ว่าจะต้องกลายมาเป็น "คนกลาง" อยู่บ่อยครั้งนั้น...ก็ไม่ใช่เพราะว่า ผมเป็น "โรคจิต"

แต่เป็นเพราะผมเคยเห็นแล้วว่า เมื่อ "โอกาส" ที่ว่า...ได้ผลิดอกออกผลออกมาแล้วนั้น

ผมพลอยได้รับ "ความสุข" ไปด้วยเพียงใด

...

ออกตัวก่อนครับ...ว่าผมไม่ได้มาแชร์เรื่องนี้ เพราะต้องการจะอวดอ้างว่า ผมเป็นคนดี มี "มุทิตาจิต" สูง

แต่ที่นำมาแชร์ เพราะแค่ต้องการบอกว่า...

การเป็นผู้หยิบยื่น "โอกาส" หรือส่งผ่าน "โอกาส" ให้กับผู้อื่นนั้น

...เป็นหนึ่งในเครื่องยืนยันว่า ยิ่งเมื่อเรา "ให้" มากเท่าไหร่ เราจึงจะมีโอกาส "รับ" มากขึ้นเท่านั้น

...เมื่อ "ให้โอกาส" แก่ผู้อื่น...เราจึงจัก "ได้โอกาส" จากผู้อื่น เช่นกัน...และ connection ก็จึงเกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้...

#เมื่อคิดให้จึงได้รับ #คิดแต่จะรับจึงไม่มีใครให้ #connectionนั้นไม่อาจถูกประเมินราคาได้ #วันนี้สร้างโอกาสให้ใครไปเราอาจได้โอกาสที่ยิ่งใหญ่กลับคืน #อย่างน้อยการให้ก็ยังความสุขให้ใจเรา

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...