Post#4-170:
เป็นครั้งแรกตั้งแต่ผมต้องเดินทางไปประเทศพม่า ที่ผมต้องใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบินถึง 5 ชั่วโมง!
เรื่องของเรื่องก็เพราะหมอกเจ้ากรรมเกิดลงจัด ในช่วงที่เครื่องกำลังจะ landing พอดี
หลังจากบินวนอยู่พักใหญ่ๆ...กัปตันก็ตัดสินใจเปลี่ยนไปลงที่สนามบินเชียงใหม่แทน เพราะหมอกยังคงลงจัดอยู่อย่างนั้น ประกอบกับน้ำมันก็ร่อยหรอลงทุกที
สุดท้ายผมจึงพบตัวเองอยู่ที่สนามบินเชียงใหม่อยู่พักหนึ่ง เพื่อให้เครื่องบินได้เติมน้ำมัน และรอเวลาให้หมอกจางลง
กว่าที่ผมจะถึงปลายทางที่กรุงย่างกุ้ง จึงปาเข้าไปบ่ายโมงกว่าๆ แทนที่จะถึงตั้งแต่เช้า ตามปกติ
...
ตอนที่รู้ว่า กัปตันตัดสินใจ re-routing ไปลงที่สนามบินเชียงใหม่แทน...ผมยิ้ม ^^
ที่ยิ้มก็เพราะคิดว่า กัปตันทำถูกแล้วที่ไม่เอาชีวิตลูกเรือและผู้โดยสารไปเสี่ยง...เครื่องลำเล็กแบบนี้ คงไม่พร้อมที่จะฝ่าหมอกหนาแบบนั้น
ระหว่างที่นั่งไปหลับไป...ผมก็วางแผนว่าจะแก้ไขตารางนัดหมายที่คลาดเคลื่อนไปมากได้ยังไง...พร้อมกันนั้น ก็ได้ยินผู้โดยสารท่านอื่นๆ คุยกันถึงเรื่องการจัดการกับตารางนัดหมายเช่นกัน
...
เรื่องไม่คาดคิดแบบนี้ บางทีมันก็มาเยี่ยมเราในจังหวะเวลาที่ไม่ดีเอาเสียเลย...ซึ่งจะว่าไป ก็เป็นไปตาม "กฎของเมอร์ฟี่" อยู่เหมือนกัน
การจัดการกับเรื่องไม่คาดคิด...จึงถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดได้ดี ว่าตัวเราเองมีศักยภาพในระดับไหน?
บางคนเจอเรื่องไม่คาดคิด...ก็ถึงกับสติหลุด
บางคนเจอเรื่องไม่คาดคิด...แต่กลับพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้
บางคนเรียนรู้มาเยอะจริง...แต่ถึงคราวต้องใช้ความรู้ที่มีให้เป็นประโยชน์ ก็กลับไม่สามารถทำได้
...นี่เองที่แยกคนฉลาดโดยทั่วไปออกจากคนมีปัญญา...
#หมอกหนาบังตาได้แต่อย่าให้บังปัญญา #เป็นธรรมดาที่อาจเจอเรื่องไม่คาดคิด #แต่เป็นเรื่องต้องขบคิดว่าจะต้องทำอะไรต่อ
เป็นครั้งแรกตั้งแต่ผมต้องเดินทางไปประเทศพม่า ที่ผมต้องใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบินถึง 5 ชั่วโมง!
เรื่องของเรื่องก็เพราะหมอกเจ้ากรรมเกิดลงจัด ในช่วงที่เครื่องกำลังจะ landing พอดี
หลังจากบินวนอยู่พักใหญ่ๆ...กัปตันก็ตัดสินใจเปลี่ยนไปลงที่สนามบินเชียงใหม่แทน เพราะหมอกยังคงลงจัดอยู่อย่างนั้น ประกอบกับน้ำมันก็ร่อยหรอลงทุกที
สุดท้ายผมจึงพบตัวเองอยู่ที่สนามบินเชียงใหม่อยู่พักหนึ่ง เพื่อให้เครื่องบินได้เติมน้ำมัน และรอเวลาให้หมอกจางลง
กว่าที่ผมจะถึงปลายทางที่กรุงย่างกุ้ง จึงปาเข้าไปบ่ายโมงกว่าๆ แทนที่จะถึงตั้งแต่เช้า ตามปกติ
...
ตอนที่รู้ว่า กัปตันตัดสินใจ re-routing ไปลงที่สนามบินเชียงใหม่แทน...ผมยิ้ม ^^
ที่ยิ้มก็เพราะคิดว่า กัปตันทำถูกแล้วที่ไม่เอาชีวิตลูกเรือและผู้โดยสารไปเสี่ยง...เครื่องลำเล็กแบบนี้ คงไม่พร้อมที่จะฝ่าหมอกหนาแบบนั้น
ระหว่างที่นั่งไปหลับไป...ผมก็วางแผนว่าจะแก้ไขตารางนัดหมายที่คลาดเคลื่อนไปมากได้ยังไง...พร้อมกันนั้น ก็ได้ยินผู้โดยสารท่านอื่นๆ คุยกันถึงเรื่องการจัดการกับตารางนัดหมายเช่นกัน
...
เรื่องไม่คาดคิดแบบนี้ บางทีมันก็มาเยี่ยมเราในจังหวะเวลาที่ไม่ดีเอาเสียเลย...ซึ่งจะว่าไป ก็เป็นไปตาม "กฎของเมอร์ฟี่" อยู่เหมือนกัน
การจัดการกับเรื่องไม่คาดคิด...จึงถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดได้ดี ว่าตัวเราเองมีศักยภาพในระดับไหน?
บางคนเจอเรื่องไม่คาดคิด...ก็ถึงกับสติหลุด
บางคนเจอเรื่องไม่คาดคิด...แต่กลับพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้
บางคนเรียนรู้มาเยอะจริง...แต่ถึงคราวต้องใช้ความรู้ที่มีให้เป็นประโยชน์ ก็กลับไม่สามารถทำได้
...นี่เองที่แยกคนฉลาดโดยทั่วไปออกจากคนมีปัญญา...
#หมอกหนาบังตาได้แต่อย่าให้บังปัญญา #เป็นธรรมดาที่อาจเจอเรื่องไม่คาดคิด #แต่เป็นเรื่องต้องขบคิดว่าจะต้องทำอะไรต่อ
Comments
Post a Comment