Skip to main content

Post#4-157: ส่งมอบและเปลี่ยนผ่าน

Post#4-157:
เรื่องหนึ่งที่ถือเป็น "เรื่องยากที่สุด" ของ Sole Proprietor ทั้งหลาย...ก็คือ การไม่อาจตัดใจวางธุรกิจที่ตัวเองปลุกปั้นมากับมือได้

ดังนั้น ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนถ่ายจากรุ่นพ่อไปสู่รุ่นลูก หรือเปลี่ยนจาก Sole Proprietorship ไปเป็น Structured Organization...จึงมักลงท้ายด้วยความเห็นที่ขัดแย้งระหว่างกันอยู่เสมอ

ซึ่งจากการที่ผมเคยทำงานกับทั้ง Sole Proprietor และ Structured Organization...ผมจึงสามารถจะบอกได้ว่า มันก็น่าเห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย

...

ลองจินตนาการว่า ถ้าเดิมเราสร้าง "หุ่น" ขึ้นมาตัวหนึ่งจากเศษกองไม้...ค่อยๆ สร้างจนเป็นรูปเป็นร่าง แต่งเสริมเติมต่อ จนหุ่นนั้นแปลงสภาพจากเศษไม้เป็นของมีค่า

มาวันหนึ่ง เรารู้ตัวว่า แม้เราจะอยากเติมแต่งให้หุ่นตัวนี้มันดูดีขึ้น แต่เราก็หมดแรงเสียแล้ว...อย่ากระนั้นเลย มอบให้ใครคนหนึ่งมาสานต่อจะดีกว่า

ถามว่า คนที่มาสานต่อควรรื้อหุ่นนั้นให้เป็นซาก แล้วค่อยประกอบขึ้นใหม่ หรือควรจะแต่งเติมจากหุ่นเดิม หรืออย่างน้อยก็ค่อยๆ ถอดประกอบหุ่นนั้นทีละชิ้น

แบบไหนเป็นวิถีที่จะทำให้ "ผู้รับมอบ" และ "ผู้ส่งมอบ" มีความสุขได้พร้อมๆ กัน?

...

เอาอีกตัวอย่างนึงครับ...จะได้เห็นภาพ

ถ้าเดิมเราเคยอยู่คนเดียวในห้องเช่า...วันดีคืนดี เราก็รู้สึกว่า เราแบกค่าเช่าไม่ไหว แต่ก็ยังอยากอยู่ห้องเดิมนะ...ว่าแล้ว เราก็เลยหาเพื่อนมาแชร์ค่าห้องด้วย

ถ้าเราเป็นคนชอบนอนเปิดไฟ แต่คนมาใหม่ต้องปิดไฟนอนตลอด...ถามว่า ใครต้องปรับตัว?

ใครตอบว่า เราต้องปรับตัว...ยกมือครับ?

แล้วใครคิดว่า คนมาใหม่ต้องปรับตัว...ยกมือครับ?

คำตอบของผม...คือผิดทั้งคู่!

คำตอบที่ถูก ก็คือควรหาคนที่มีนิสัยใจคอคล้ายๆ กันมาอยู่ด้วยกัน ต่างหาก

...

ส่งผ่านธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น...จึงควรให้เกียรติผู้ส่งมอบ จะปรับจะเปลี่ยน ก็ควรคำนึงถึงหุ่นเดิมให้จงดี

แต่ถ้าคิดว่ารับมาแล้ว ต่อยอดให้ดีขึ้นไม่ได้...อย่ารับมาย่ำยีให้ผู้ส่งมอบต้องร้าวรานหัวใจเลย

ส่วนจะไปร่วมห้องหรือหุ้นกับใครนั้น...นอกจากมองไปที่ความน่าสนใจของธุรกิจแล้ว สำคัญกว่านั้นก็คือ หุ้นส่วนเดิมมีความคล้ายคลึงกับเราอยู่บ้างมั๊ย?

เหมือนกันทุกประการก็อาจจะเฮละโลกันไปผิดๆ...แต่ต่างกันสุดขั้ว ก็เห็นทีว่า จะทำงานร่วมกันได้อย่างลำบาก

...หนักใจน่ะ มันแย่กว่าหนักกายมากนะครับ...

#ส่งมอบต้องทำใจ #รับมอบต้องดูแล #ทำคนเดียวยังไงก็ได้ #มีหุ้นส่วนต้องหารือ #เห็นต่างได้แต่อย่าเห็นแตก

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...