Skip to main content

Post#2-25: ทึกทักเอาเอง

Post#2-25: ทึกทักเอาเอง

บ่ายนี้ ผมนั่งคุยพักสมองเล็กน้อยกับหุ้นส่วนชาวต่างชาติ ถึงเรื่องที่บางครั้งเกิดจากการทึกทักไปเอง หรือสมัยนี้เรียก "มโน" นั่นแหละครับ (ฝรั่งเรียกว่า "take for granted")

เรื่องมีอยู่ว่า เค้าไปงานเลี้ยงหนึ่ง ให้บังเอิญเป็นงานเลี้ยงที่เป็นกันเองมากๆ ก็ดื่มเหล้าดื่มไวน์กันเป็นที่สนุกสนาน

แน่นอนว่า ระดับความซนก็เพิ่มขึ้นตามปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย เค้าก็เลยเล่นแผลงๆ ด้วยการเขียนข้อความขำๆ กระเซ้าเย้าแหย่กัน ด้วยการส่งข้อความไปยังเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่คนละมุมของโต๊ะ

ก็ขำกันยกใหญ่ล่ะครับ เพราะคนที่รับข้อความก็แอบอ่านระหว่างส่งต่อ อำกันไปอำกันมา ไม่ได้มีสาระอะไร

คราวนี้มาถึงกระดาษเจ้ากรรมที่ส่งเป็นแผ่นสุดท้ายก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน แล้วก็เป็นข้อความที่ฮาสุด เพราะดันไปเขียนว่า "I want you." แปลแบบฮาๆ ก็อารมณ์ประมาณ "ชั้นต้องการเธอ"

ก็หัวเราะเฮฮากันยกใหญ่ คนได้รับข้อความก็เอากระดาษข้อความที่ว่าใส่กระเป๋ากางเกงโดยไม่น่าจะรู้ตัว จากนั้นก็ต่างคนต่างกลับบ้าน

เดาออกแล้วใช่มั๊ยครับ...ว่าความซวยมาเยือนยังไง?

ใช่ครับ...อย่างที่เดานั่นเลย

รุ่งเช้า เค้าก็ลืมเรื่องเมื่อคืนไปหมด รีบออกไปประชุมแต่เช้า เพราะเป็นนัดสำคัญกับประธานบริษัทฯ และเป็นประชุมยาวนานทั้งวัน

ไปถึงบริษัทฯ เค้าก็สั่งเลขาฯ ว่า ไม่ว่าใครโทรมาเค้าก็จะไม่รับสาย มือถงมือถือปิดหมด ว่าแล้วก็เข้าประชุม

พอภรรยาเค้าไปจัดการเสื้อผ้าเพื่อจะเอาไปซัก กระดาษเจ้ากรรมก็หล่นออกมา...ใช่ครับ...งานเข้าแล้ว

ภรรยาที่เห็นข้อความก็เลือดขึ้นหน้า ไม่ฟังอีร้าค่าอีรมทั้งสิ้น โทรเข้ามือถือ...ปิดเครื่อง โทรไปบริษัทฯ...เลขาฯ บอกวันนี้ไม่เข้า ไม่ได้สั่งไว้ว่าไปไหน (เป็นคราวซวย เพราะเลขาฯ ไม่กล้าปฏิเสธภรรยาของนาย เลยเลือกโกหก ว่าไม่รู้นายไปไหน)

วันนั้นทั้งวัน ภรรยาเค้าแทบเป็นบ้าตาย ในหัวของเธอเริ่มประติดประต่อภาพเอง อืมมม...เมื่อคืนกลับดึก, เช้ารีบออกจากบ้านไม่บอกไม่กล่าว, เจอกระดาษข้อความ "I want you.", โทรไปปิดเครื่อง, ไม่เข้าบริษัทฯ

นึกภาพตามทันมั๊ยครับ ว่าภรรยาของเคัา อยู่ในอาการไหน? ทั้งกระวนกระวายอยากรู้ความจริง, หึงหวง, น้อยใจ, ฯลฯ

ทุกชั่วโมงเธอจะโทรเข้าบริษัทและโทรเข้ามือถือ เพียงเพื่อจะได้รับคำตอบเดิมๆ จากเลขาฯ และมือถือที่ไม่ได้เปิดเครื่อง

เรื่องจบลงตรงที่ เค้ากลับไปที่บ้าน และพบว่า ภรรยาเก็บข้าวของหนีออกจากบ้านไปแล้ว...กว่าจะตามตัวภรรยาพบ กว่าจะเคลียร์กันรู้เรื่อง ใช้คำว่า "มหากาพย์" ยังน้อยไป

เรื่องเกิดจากข้อความซนๆ และการทึกทักไปเองทั้งสิ้น...

ไม่เจอกับตัวเองก็ไม่รู้หรอกครับ...เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ละกันครับ ^^

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...