Skip to main content

Post#2-37: Don't die a copy!

Post#2-37:
บ่อยครั้งเราจะได้ยินเสียงเพื่อนร่วมงานบ่นเข้าหู อารมณ์ประมาณว่า ที่ทำงานที่ทำอยู่เนี่ยไม่ดีเลย อยากจะลาออกจัง แต่ไม่มีทางเลือก ต้องทนไปก่อน

จริงๆ แล้วเรา "ไม่มีทางเลือก" หรือ "ไม่กล้าจะเลือก" กันแน่?

...

เราฝันอยากเป็นเจ้าของกิจการ แต่วันที่ยังเป็นลูกจ้าง มีคนจ่ายเงินเดือนให้เราทุกเดือน ให้เรามีรายได้พร้อมๆ กับโอกาสที่จะฝึกฝนตัวเอง เรากลับไม่เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ทำงานเช้าชามเย็นชาม ใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ เช้ามาลงเวลาทำงานเข้า ตกเย็นลงเวลาทำงานออก

ถ้าใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ เราจะได้เป็นเจ้าของกิจการได้ยังไง?

บางคนก็อยากเป็นผู้บริหารตำแหน่งสูงๆ แต่วันนี้ก็ทำงานลำบากไม่เป็น ก็ในเมื่อไม่ลงมือทำงานหนัก จะรู้รายละเอียดมากพอที่จะไปบริหารลูกน้องได้ยังไง?

ในวันที่ประสบการณ์ยังอ่อนด้อยและทุนรอนยังร้อยหรอ เราจึงควรตั้งใจทำงานและเก็บเกี่ยวความรู้ให้มากๆ เก็บเงินไว้บ้าง ไม่ใช่เฮฮาไปวันๆ

ถ้าเราตั้งเป้าหมาย แต่ไม่วางแผนงานไปสู่เป้าหมาย เราจะทำสำเร็จได้ยังไง? เมื่อไม่มีแผนก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องลงมือทำอะไรบ้าง? และเมื่อไม่ลงมือทำ ก็ไม่มีทางบรรลุเป้าหมาย ดังนั้น เป้าหมายที่ไม่มีแผนรองรับ ก็จึงเป็นได้แค่ "ความฝัน"

คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจึงมีน้อยมากๆ เพราะคนส่วนใหญ่ "พูด" ถึงเป้าหมาย แต่ไม่ได้ "ลงมือ" ให้บรรลุเป้าหมาย คนส่วนใหญ่มีความฝันอันยิ่งใหญ่ แต่ไม่ได้ลงมือทำจริงจัง พร้อมๆ กับหาเหตุผลได้สารพัดมาบอกตัวเองว่า "มันยาก อย่าพึ่งทำเลย" แล้วก็ใช้ชีวิตเดิมๆ ต่อไป

จริงๆ แล้วมันยาก หรือเรามัวแต่ผัดวันประกันพรุ่งกันแน่?

ถ้าเราพอใจที่จะใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ก็คงไม่มีใครว่าครับ แต่ผมอยากกระซิบดังๆ ไว้ว่า "ความฝันมีวันหมดอายุ" และ "เวลาน่ะติดปีกบิน" เผลอไปแว่บเดียว รู้สึกตัวอีกที ก็อาจมีเวลาไม่พอที่จะทำฝันให้เป็นจริงแล้วก็ได้ และก็จะกลายเป็นแค่ "มนุษย์เงินเดือน" รอเกษียณ ในบั้นปลาย

ดังนั้น ถ้าเราตั้งความฝันไว้สูง ก็ต้องลงมือทำงานหนักให้มากๆ เมื่อบรรลุเป้าหมายเร็วขึ้น เราก็จะมีเวลาชื่นชมกับความสำเร็จได้นานขึ้น...ผมเองยังเรียกตัวเองว่าประสบความสำเร็จไม่ได้ แต่ผมก็เริ่มออกเดินทางมานานพอดูแล้ว ดังนั้นใครยังไม่เริ่มนับหนึ่ง อนาคตข้างหน้าก็คือ "การเป็นคนทั่วไป" นะครับ

...

แม้ว่า ผมจะเคยคุยให้ฟังหลายครั้ง ว่าเราไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบชีวิตของเรากับใครๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่ต้องมีเป้าหมายชีวิตซะหน่อย ว่ามั๊ยครับ?

เมื่อตั้งเป้าหมายแล้ว ก็จงวางแผนและลงมือทำตามแผนให้เต็มที่ แม้ว่าปลายทางเราอาจไม่ได้ตามเป้าหมาย แต่การล้มเหลวหลังจากพยายามมาอย่างเต็มที่ ย่อมดีกว่าการล้มเหลวที่จะไม่พยายามแน่ๆ ครับ

แบบแรกเราอาจไม่ได้ครอบครองสิ่งที่มีมูลค่าในบั้นปลาย แต่เรายังมีคุณค่าในตัว ส่วนแบบหลังนั้น ไม่มีทั้งโอกาสที่จะครอบครองสิ่งของที่มีมูลค่าและยังไม่มีคุณค่าใดๆ ในชีวิตอีกด้วย

...

มีวาทะสร้างแรงบันดาลใจ ฝากให้มนุษย์เงินเดือนที่มีความฝันทั้งหลายว่า...

"You were born unique, so don't die a copy." แปลว่า "คนเราเกิดมาไม่มีใครเหมือนกันเลย ดังนั้น จงอย่าตายทั้งๆ ที่เป็นเหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป"

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...