Post#2-47:
ใครเคยทำงานกับคนที่ปล่อยพลังงานด้านลบอยู่ตลอดเวลาบ้างมั๊ยครับ?
วันนี้เป็นอีกวันที่ผมต้องใช้พลังงานมหาศาล ในการต่อสู้กับพวกเค้า เรียกว่า ต้องใช้พลังกายในการควบคุมกล้ามเนื้อมัดหน้าให้ยิ้ม และควบคุมใจให้เต็มเปี่ยมไปด้วยขันติในระดับสูง เพื่อที่จะควบคุมบรรยากาศการประชุมให้ดำเนินต่อไปได้ โดยไม่ให้พลังงานด้านลบมามีอิทธิพลเหนือผู้เข้าร่วมประชุมท่านอื่นๆ
ทำงานกับคนที่มีพลังงานด้านลบนี่ เหนื่อยมากจริงๆ ครับ เพราะเค้ามักจะมีความสามารถพิเศษในการทำลายกำลังใจของคนอื่นๆ รอบข้างได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเนื่องจากคนพวกนี้ มี "ความเป็นเทพ” ในตัวสูง ผมจึงขออนุญาตใช้สรรพนามเพื่ออ้างถึงเค้าว่า “ท่าน” นะครับ ดูจะสมเกียรติหน่อย -"-
คนที่มีพลังงานด้านบวกเยอะๆ นี่ จะมองเห็นโอกาสในทุกๆ ปัญหา ส่วน “ท่าน" จะมองเห็นปัญหาในทุกๆ โอกาส เรียกว่า ใครเสนออะไร “ท่าน” ก็สามารถที่จะหาเหตุผลมาปั่นหัวคนอื่นได้ว่า เพราะอะไรไอเดียที่เสนอมา จึงไม่มีทางเป็นไปได้
แต่ถ้าไปถาม “ท่าน” ว่า เอาล่ะ! ในเมื่อไอเดียนั้นๆ ยังมีข้อบกพร่อง จะแก้ไขยังไงดี “ท่าน” ก็จะตอบว่า "ก็แก้ไม่ได้ เพราะไอเดียนี้ไม่มีทางเป็นไปได้นะสิ” ฟังแล้วมันน่าเอาพระบาทฟาดพระโอษฐ์ “ท่าน” ให้ซักป้าบมั๊ยละครับ? เพราะแบบนี้น่ะ มันเข้าทำนอง “มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ” จริงๆ
ส่วนถ้าใครสงสัยว่า ผมมีวิธียังไง ทำให้ “ท่าน” สงบปากลงได้บ้างชั่วคราว...
ผมทำแบบนี้ครับ
1.ผมให้โอกาส “ท่าน” พูดก่อน ถ้าเห็นว่ามันเยิ่นเย้อจนคนอื่นๆ เริ่มจะอึดอัด ผมจะตัดบท และเชิญชวนให้คนอื่นให้ความเห็นในไอเดียที่ “ท่าน” โจมตีไว้ ในระหว่างนี้ ผมจะขอให้ “ท่าน” ฟังคนอื่นพูดบ้าง
2.เมื่อคนอื่นให้ความเห็นแล้ว ผมก็จะเชิญ “ท่าน” วิเคราะห์ความเห็นของคนอื่นๆ, ถ้าไม่สามารถวิเคราะห์ด้วยเหตุผลที่มนุษย์ทั่วไปยอมรับได้ ผมก็จะสรุปว่า ไอเดียที่คนอื่นเสนอมา มีความเป็นไปได้ และมอบหมายให้เจ้าของไอเดีย ไปทำรายละเอียดของงานมาเสนอ
3.หลังประชุม ผมจะปิดห้องคุยกับ “ท่าน” แบบเปิดใจ ถาม “ท่าน” ตรงๆ ว่า มีอะไรไม่สบายใจ หรือกังวลใจบ้างมั๊ย ถึงได้มีปัญหากับทุกไอเดียของคนอื่นๆ และผมมักจะใช้การสมมติประกอบการสนทนา เพื่อให้ “ท่าน” ทบทวนมุมมองของตัวเอง เช่น สมมติว่า “ท่าน” เป็นผู้รับผิดชอบงานนั้น จะแก้ยังไง หรือสมมติว่า “ท่าน” โดนคนอื่นสบประมาทว่า ไอเดียไม่ดีบ้าง จะมีวิธีตอบยังไง, ฯลฯ
4.ว่าแล้ว ผมก็จะมอบหมายงานให้ “ท่าน” ไปคิดไอเดียใหม่ๆ มาเสนอบ้าง เพื่อที่ว่า เมื่อ “ท่าน” เสนอแล้ว คนอื่นๆ มีวิธีปฏิบัติต่อไอเดียของ “ท่าน” ยังไงบ้าง "ท่าน" จะได้ศึกษาและรู้จัก “เอาใจเขามาใส่ใจเรา”
5.หลังจากทำข้อ 3 และ 4 ไปแล้ว ส่วนมาก บาง “ท่าน” จะมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น ส่วน “ท่าน” ที่ยังไม่ดีขึ้น ผมจะทำข้อ 1 - 4 ซ้ำ อีกไม่เกิน 2 ครั้ง ถ้าไม่รู้จักปรับปรุง ผมก็จะใช้ “ไม้แข็ง” ซึ่งขออนุญาตไม่เล่าครับ -"-
… มาตรการข้อ 1 ทำเพื่อให้เค้ามีโอกาสได้ระบายพลังงานด้านลบออกมาบ้าง, ส่วนข้อ 2 ทำเพื่อเรียกสติ ให้เค้าใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ และข้อ 3 กับ 4 ทำเพื่อปรับ “ทัศนคติ” เป็นหลัก ส่วนข้อ 5, ไม่ถึงที่สุดจริงๆ ผมไม่อยากใช้เลยครับ
ท้ายนี้ ผมขอฝากไว้ว่า เราจำเป็นต้องสร้างภูมิต้านทานพลังงานด้านลบให้มากๆ ครับ เผลอปล่อยให้พวกเค้าชักนำ จิตเราจะจมดิ่งสู่ความหดหู่ พลอยทำให้กลายเป็นพวกเค้าโดยสมบูรณ์
อันตรายครับ...
ใครเคยทำงานกับคนที่ปล่อยพลังงานด้านลบอยู่ตลอดเวลาบ้างมั๊ยครับ?
วันนี้เป็นอีกวันที่ผมต้องใช้พลังงานมหาศาล ในการต่อสู้กับพวกเค้า เรียกว่า ต้องใช้พลังกายในการควบคุมกล้ามเนื้อมัดหน้าให้ยิ้ม และควบคุมใจให้เต็มเปี่ยมไปด้วยขันติในระดับสูง เพื่อที่จะควบคุมบรรยากาศการประชุมให้ดำเนินต่อไปได้ โดยไม่ให้พลังงานด้านลบมามีอิทธิพลเหนือผู้เข้าร่วมประชุมท่านอื่นๆ
ทำงานกับคนที่มีพลังงานด้านลบนี่ เหนื่อยมากจริงๆ ครับ เพราะเค้ามักจะมีความสามารถพิเศษในการทำลายกำลังใจของคนอื่นๆ รอบข้างได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเนื่องจากคนพวกนี้ มี "ความเป็นเทพ” ในตัวสูง ผมจึงขออนุญาตใช้สรรพนามเพื่ออ้างถึงเค้าว่า “ท่าน” นะครับ ดูจะสมเกียรติหน่อย -"-
คนที่มีพลังงานด้านบวกเยอะๆ นี่ จะมองเห็นโอกาสในทุกๆ ปัญหา ส่วน “ท่าน" จะมองเห็นปัญหาในทุกๆ โอกาส เรียกว่า ใครเสนออะไร “ท่าน” ก็สามารถที่จะหาเหตุผลมาปั่นหัวคนอื่นได้ว่า เพราะอะไรไอเดียที่เสนอมา จึงไม่มีทางเป็นไปได้
แต่ถ้าไปถาม “ท่าน” ว่า เอาล่ะ! ในเมื่อไอเดียนั้นๆ ยังมีข้อบกพร่อง จะแก้ไขยังไงดี “ท่าน” ก็จะตอบว่า "ก็แก้ไม่ได้ เพราะไอเดียนี้ไม่มีทางเป็นไปได้นะสิ” ฟังแล้วมันน่าเอาพระบาทฟาดพระโอษฐ์ “ท่าน” ให้ซักป้าบมั๊ยละครับ? เพราะแบบนี้น่ะ มันเข้าทำนอง “มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ” จริงๆ
ส่วนถ้าใครสงสัยว่า ผมมีวิธียังไง ทำให้ “ท่าน” สงบปากลงได้บ้างชั่วคราว...
ผมทำแบบนี้ครับ
1.ผมให้โอกาส “ท่าน” พูดก่อน ถ้าเห็นว่ามันเยิ่นเย้อจนคนอื่นๆ เริ่มจะอึดอัด ผมจะตัดบท และเชิญชวนให้คนอื่นให้ความเห็นในไอเดียที่ “ท่าน” โจมตีไว้ ในระหว่างนี้ ผมจะขอให้ “ท่าน” ฟังคนอื่นพูดบ้าง
2.เมื่อคนอื่นให้ความเห็นแล้ว ผมก็จะเชิญ “ท่าน” วิเคราะห์ความเห็นของคนอื่นๆ, ถ้าไม่สามารถวิเคราะห์ด้วยเหตุผลที่มนุษย์ทั่วไปยอมรับได้ ผมก็จะสรุปว่า ไอเดียที่คนอื่นเสนอมา มีความเป็นไปได้ และมอบหมายให้เจ้าของไอเดีย ไปทำรายละเอียดของงานมาเสนอ
3.หลังประชุม ผมจะปิดห้องคุยกับ “ท่าน” แบบเปิดใจ ถาม “ท่าน” ตรงๆ ว่า มีอะไรไม่สบายใจ หรือกังวลใจบ้างมั๊ย ถึงได้มีปัญหากับทุกไอเดียของคนอื่นๆ และผมมักจะใช้การสมมติประกอบการสนทนา เพื่อให้ “ท่าน” ทบทวนมุมมองของตัวเอง เช่น สมมติว่า “ท่าน” เป็นผู้รับผิดชอบงานนั้น จะแก้ยังไง หรือสมมติว่า “ท่าน” โดนคนอื่นสบประมาทว่า ไอเดียไม่ดีบ้าง จะมีวิธีตอบยังไง, ฯลฯ
4.ว่าแล้ว ผมก็จะมอบหมายงานให้ “ท่าน” ไปคิดไอเดียใหม่ๆ มาเสนอบ้าง เพื่อที่ว่า เมื่อ “ท่าน” เสนอแล้ว คนอื่นๆ มีวิธีปฏิบัติต่อไอเดียของ “ท่าน” ยังไงบ้าง "ท่าน" จะได้ศึกษาและรู้จัก “เอาใจเขามาใส่ใจเรา”
5.หลังจากทำข้อ 3 และ 4 ไปแล้ว ส่วนมาก บาง “ท่าน” จะมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น ส่วน “ท่าน” ที่ยังไม่ดีขึ้น ผมจะทำข้อ 1 - 4 ซ้ำ อีกไม่เกิน 2 ครั้ง ถ้าไม่รู้จักปรับปรุง ผมก็จะใช้ “ไม้แข็ง” ซึ่งขออนุญาตไม่เล่าครับ -"-
… มาตรการข้อ 1 ทำเพื่อให้เค้ามีโอกาสได้ระบายพลังงานด้านลบออกมาบ้าง, ส่วนข้อ 2 ทำเพื่อเรียกสติ ให้เค้าใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ และข้อ 3 กับ 4 ทำเพื่อปรับ “ทัศนคติ” เป็นหลัก ส่วนข้อ 5, ไม่ถึงที่สุดจริงๆ ผมไม่อยากใช้เลยครับ
ท้ายนี้ ผมขอฝากไว้ว่า เราจำเป็นต้องสร้างภูมิต้านทานพลังงานด้านลบให้มากๆ ครับ เผลอปล่อยให้พวกเค้าชักนำ จิตเราจะจมดิ่งสู่ความหดหู่ พลอยทำให้กลายเป็นพวกเค้าโดยสมบูรณ์
อันตรายครับ...
Comments
Post a Comment