Skip to main content

Posts

Showing posts from February, 2015

Post#2-174: Pay it forward

Post#2-174: วันนี้ขออัญเชิญบทพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 มาเปิด post นะครับ "อันว่าความกรุณาปราณี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุลาลัยสู่แดนดิน" จำได้ว่า ผมเคยชวนคุยไว้นานมากแล้ว ว่าการเป็นผู้ให้นั้นถือเป็นความสุขอย่างยิ่ง แต่จะสุขที่สุดก็ต้องเป็นการให้แบบอย่าไปคาดหวังผลตอบแทน (Post#57) เวลาทำอะไรให้ใคร จึงต้องเตือนตัวเองให้มีความสุข ณ ขณะที่ให้นั้นเลย อย่ารอให้เค้ามาตอบแทนแล้วค่อยมีความสุข...มิฉะนั้น การให้ของเราจะกลายเป็นการสร้างทุกข์แทนที่จะสุข การให้ของเราจะเป็นสุขได้ ก็ต้องเป็นเพราะเราสุขใจที่ได้ช่วย, ช่วยเพราะอยากช่วย ไม่ได้ช่วยเพราะอยากได้ เมื่อช่วยเพราะอยากช่วย ใจจึงเป็นสุขที่ได้ให้ความช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อน จึงเป็นบุญสำหรับผู้ให้ และเป็นแรงเกื้อหนุนสำหรับผู้รับ ย้อนกลับไปที่บทพระราชนิพนธ์ข้างต้นสักนิดนะครับ... หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ...ขึ้นชื่อว่าน้ำฝน ก็ถือเป็นน้ำบริสุทธิ์ที่เมื่อตกต้องโดนตัว ก็มักจะก่อให้เกิดความชื่นฉ่ำ ชุ่มชื้น กระบวนการก่อให้เกิดฝนนั้น ต้องมีปัจจัยในการก่อตัวไม...

Post#2-173: ศุกร์สิ้นเดือน

Post#2-173: ทำไมวันศุกร์สิ้นเดือนรถถึงติด? ถือเป็นคำถามโลกแตกคำถามหนึ่ง ซึ่งผมไม่เคยตอบได้ ถือเป็นคำถามเปิดประเด็นชวนคุยและคาดได้เลยว่า คำตอบจะมีมากกว่าหนึ่งอย่างแน่นอน เท่าที่สอบถามน้องๆ เพื่อนๆ ที่เป็นมนุษย์เงินเดือน พบว่า วันศุกร์สิ้นเดือนถือเป็น "วันชาติ" ของชาวเผ่าผู้มีรายได้ประจำ...เป็นวันที่สารพัดเหตุผลมารวมกัน แล้วก่อให้เกิด Motor Show บนท้องถนน ผมยังไม่สิ้นสงสัย ว่าที่น้องๆ ว่ามาจะจริงมั๊ย ว่าแล้วผมก็เข้าไป search ใน google และพบว่า ที่วันศุกร์รถติดมากๆ โดยเฉพาะศุกร์สิ้นเดือนน่ะ เป็นเพราะ... ส่วนหนึ่ง เพราะอัดอั้นกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมายาวนาน เลยขอปลดปล่อยด้วยการกิน...ดื่ม...เที่ยว  ให้มีความสุขสักวัน เมื่อรู้ว่าเย็นจะไปโฉบฉายต่อ ก็เลยพากันขับรถออกมา ส่วนหนึ่ง ถือวันนี้เป็นวันจ่ายของเข้าบ้าน รวมไปถึงจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่านั่น นู่น นี่ ค่าจิปาถะ บางคนก็ต้องจ่ายหนี้ด้วย (และแน่นอนว่าจะต้องไม่ลืมซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาตุนเผื่อช่วงปลายเดือน) เมื่อต้องจับจ่ายเยอะ ก็เลยต้องขับรถออกมาด้วยไง (เรียก Taxi ได้ที่ไหนล่ะ ก็รู้ๆ กันอยู่) อีกส่วนหนึ่ง ไม่ไ...

Post#2-172: สิ่งที่เราไม่ชอบ vs สิ่งที่เราชอบ

Post#2-172: เรามักจะได้ยินได้ฟังกันจนชินหูว่า "สิ่งไหนที่เราไม่ชอบก็อย่าไปทำกับคนอื่น" ขยายความของวาทะนี้ ก็ต้องหมายความให้เจาะจงว่า เรื่องไหนที่ทำให้ไม่สบายใจ, ขัดใจ หรือลำบากใจ เราเองก็ไม่ชอบ ดังนั้นคนอื่นก็ไม่น่าจะชอบด้วย พิจารณาดูตรรกะดูแล้ว ก็รับได้ครับ...แต่ถ้าใช้ตรรกะเดียวกันกับเรื่องที่เราชอบด้วยล่ะ มันจะเป็นแบบนั้นมั๊ย? เรื่องที่เราไม่ชอบก็ไม่ควรทำกับคนอื่น แปลว่าเรื่องไหนที่เราชอบ คนอื่นต้องชอบเหมือนเราด้วยรึเปล่า? แน่นอนว่าคำตอบคือ "ไม่ใช่" ... ในชีวิตจริง เรามักปฏิบัติสวนทางกับตรรกะที่ว่ารึเปล่าครับ? เรื่องที่เราไม่ชอบ แต่เราชอบเผลอทำกับคนอื่น ส่วนเรื่องที่เราชอบ เราก็มักเผลอสรุปว่า คนอื่นก็คงจะชอบเหมือนๆ กับเราด้วย ยกตัวอย่างเช่น... เราไม่ชอบถูกนินทา แต่เราก็นินทาคนอื่น เราชอบกินข้าวกระเพราหมู ก็เลยมักจะซื้อข้าวกระเพราหมูไปฝากเพื่อน เราไม่ชอบถูกขัดคอ แต่เรามักเผลอขัดคอคนอื่น เราชอบดูละครทีวี พอคนอื่นไม่ดู เราก็ว่าเค้าแปลกคน ... ดังนี้แล้ว...สิ่งไหนที่เราไม่ชอบก็อย่าทำกับคนอื่น สิ่งไหนที่เราชอบก็อ...

Post#2-171: แต่งตัวดีๆ ไปเพื่ออะไร?

Post#2-171: หลายวันก่อนผมได้ยินประโยคชวนคิดสำหรับคุณหนุ่มๆ และสาวๆ...เค้าถามว่า เราแต่งตัวสวยๆ ไปเพื่ออะไร? ลองคิดดูเล่นๆ มั๊ยครับ...ใช้เวลาสั้นๆ สัก 1 นาทีนะครับ . . . บางคนตอบว่า แต่งให้ผู้ชายชื่นชม ที่เป็นผู้ชายก็อาจจะตอบว่า เพื่อให้สาวมอง...แต่คำตอบที่ผมได้ยินมานั้น เค้าตอบว่า การแต่งตัวสวยๆ เป็นการแสดงความเคารพตัวเราเองครับ ฟังแล้วเป็นปรัชญาโดยแท้...ว่ามั๊ยครับ ^^ เราแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อเป็นการแสดงความเคารพตัวเราเอง...ฟังคำตอบแล้ว ผมก็ต้องบอกว่า ผมเห็นด้วยไม่น้อยทีเดียว เราแต่งตัวดี ก็หมายความว่า เราเป็นผู้ใส่ใจตัวเอง ก็กับแค่ตัวเราเองเรายังไม่ดูไม่แล แล้วเราจะไปมีหน้าบอกใครได้ว่า เราจะดูแลเค้า จะใส่ใจเค้า หรือจะเคารพเค้า ดังนั้น การใส่ใจตัวเอง จึงเสมือนเป็นก้าวแรกของการสอนให้เรารู้จักเรียนรู้ที่จะใส่ใจผู้อื่นด้วยเช่นกัน ส่วนถ้าใครจะแสดงความเป็นปัจเจก ก็คงไม่ว่ากันนะครับ แต่ก็ควรพิจารณาถึงกาลเทศะรอบๆ ให้มากๆ ด้วยครับ แต่งตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่งครับ ^^

Post#2-170: หลัก 3 ไม่

Post#2-170: ในช่วงเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ หลายๆ คนจำเป็นต้องดิ้นรนทำงานมากกว่าหนึ่งอย่าง เพื่อหารายได้เสริม สำหรับคนที่เป็นเจ้าของกิจการก็ง่ายหน่อยครับ อยากจะทำอะไรเพื่อให้เกิดรายได้งอกเงยก็คิดได้แล้วก็ทำเลย ไม่ต้องเกรงใจใครมากนัก แต่กับคนที่ทำงานประจำ หรือเป็นมนุษย์เงินเดือน ก็ต้องบอกว่ายากหน่อย...จะทำงานเสริมก็ต้องรู้จักความพอเหมาะพอดี ถ้างานเสริมนั้น ไม่ได้ทำให้งานประจำเสียหาย ก็คงไม่มีปัญหาครับ...แต่คราวนี้ปัญหามันอยู่ที่ว่า จะตีความยังไง ถึงจะสรุปได้ว่า งานเสริมของเราไม่ได้ทำให้งานประจำเสียหาย? ผมไม่ทราบว่า ท่านอื่นๆ มีเกณฑ์ตัดสินยังไงนะครับ แต่ตัวผมเองใช้หลัก 3 ไม่ คือ ไม่แข่งขัน, ไม่ลดทอน และไม่เบียดบัง ไม่แข่งขัน คงไม่ต้องแปล แต่ถ้าจะให้ขยายความก็คือ อย่าไปทำอะไรที่เหมือนเป็นการแข่งกับองค์กรที่จ่ายรายได้หลักเลี้ยงชีพเรา ไม่ลดทอน คือ เราต้องไม่ทำให้ productivity ของงานประจำลดทอนหรือเสียหาย เช่น ไปเล่นดนตรีกลางคืน พอเช้ามาก็มาทำงานแบบง่วงๆ มึนๆ ไม่เบียดบัง ก็คือ รับงานนอกมา แต่มาใช้ทรัพยากรของ office เพื่อทำงานนอก...ในที่นี้หมายรวมถึง ใช้เวลางานประจำทำงานส่วนตัว, ...

Post#2-169: อิ่ม vs อร่อย

Post#2-169: ค่ำคืนนี้ผมพาน้องสาวคนเล็กมาเลี้ยงฉลองวันเกิด ^^ แม้เราจะรู้กันดีว่า คนเราควรกินเพื่ออยู่ ใช่ว่าจะอยู่เพื่อกิน ซึ่งผมก็เห็นด้วยอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง แต่พอเรามากินกับคนพิเศษในวันพิเศษของเธอ การมากินข้าวกันค่ำนี้ จึงต้องมีความหมายมากกว่า "ความอิ่ม" มันเป็นค่ำคืนที่การกินอาหารของเรา ต้องนำด้วย "ความอร่อย" และต้องเป็นความอร่อยในหลายมิติด้วย คือ "อร่อยลิ้น", "อร่อยตา" และ "อร่อยใจ" และมีความอิ่มท้องกับความอิ่มใจเป็นของแถม น้องผมคงรู้สึกดีใจไม่สุด ถ้า dinner ค่ำนี้ ผมพาเธอไปนั่งทานบะหมี่รถเข็น...ไม่ใช่ว่าผมจะดูถูก เพราะส่วนตัวผมชอบกินบะหมี่รถเข็นมาก แต่ค่ำนี้บะหมี่รถเข็นไม่ตอบโจทย์ความสุนทรีทางอารมณ์ของเจ้าของวันเกิด แม้ว่ากินอะไรจะไม่สำคัญเท่ากับกินกับใคร แต่เมื่อโจทย์คือความสุนทรียรส กินอะไรจึงมีความหมายมากกว่าความอิ่ม...อย่างที่ผมว่า มนุษย์นั้นแปลกจริงๆ ครับ ผมว่า...เพราะรับรสด้วยลิ้นก็จริง แต่ไหงมาอิ่มที่ใจก็ไม่รู้ ^^

Post#2-168: เข้าใจลูกค้ามั๊ย?

Post#2-168: เรื่องของเรื่องมันเกิดจากเมื่อวานเป็นวันแต่งงานของอดีตลูกน้องของผม แล้วผมก็อยากจะไปหาซื้อชุดสูทใหม่ ผมใช้เวลาเดินเลือกอยู่นานพอควร ก็ตกลงไปชอบใจกับชุดสูทของ brand หนึ่ง หลังจากลองชุดและวัดขนาดขากางเกงแล้ว ผมก็ถามถึง promotion น้องเค้าแจ้งว่า ใช้แต้มในบัตรแลก sticker ส่วนลดได้ ซึ่งผมก็บอกว่า ผมต้องขอแต้มในบัตรที่ว่าจากภรรยา คงต้องรออีกกว่า 2 ชั่วโมง แต่ผมขอให้ตัดขากางเกงรอเลย เพราะเมื่อแลก sticker มาแล้ว ผมจะได้ไม่ต้องรอให้เสียเวลา ตกลงกันเสร็จสรรพผมก็เดินเล่นชมนกชมไม้ (ในห้างเนี่ยนะ-ชมนกชมไม้) ไปตามเรื่อง เพราะต้องฆ่าเวลารอภรรยามาโปรด เดินจนเบื่อประมาณชั่วโมงกว่าๆ ผมก็เลยเดินย้อนกลับไปที่ counter เดิม เพื่อไปดูว่าตัดขากางเกงเสร็จมั๊ย ปรากฏว่า ไม่เจอน้องคนเดิม แต่เจออีกคนหนึ่ง ดูจากคำพูดคำจาแล้ว เข้าใจว่าน่าจะเป็นระดับพนักงานอาวุโส ผมถามถึงกางเกงที่ขอให้ตัดขารอไว้ล่วงหน้า เพราะยังมีเวลาหากไม่ชอบใจจะได้แก้ไขได้...แต่คำตอบที่ผมได้รับคือ ... พนักงานขาย: ยังไม่ได้ตัดเลยค่า ผม: ทำไมล่ะ กลัวพี่ไม่กลับมาหรอ พนักงานขาย: ใช่ค่ะ ผม: อืมม ก็เข้าใจนะ แต่เมื่อกี้ไม...

Post#2-167: ส่วนเกิน vs ส่วนเติม

Post#2-167: ใครเคยเล่นเกมเรียงคำให้เป็นประโยคกันบ้างมั๊ยครับ? เล่าให้ฟังคงนึกไม่ออก ลองเล่นกันดูเลยดีกว่าครับ มีคำ 4 คำ ให้เรียงเป็นประโยค โดย 4 คำที่ว่า ก็คือ ผู้หญิง, ผู้ชาย, ควาย และรัก เรียงคำยังไงก็ได้ให้เป็นประโยคครับ...ให้เวลาคิด 1 นาทีครับ ส่วนใครที่รู้คำตอบแล้ว ข้ามไปอ่านตอนท้ายได้เลยครับ . . . แน่นอนว่าคำตอบ คือ "ผู้หญิงรักผู้ชาย" หรือไม่ก็ "ผู้ชายรักผู้หญิง" หวังว่าคงไม่มีใครหลงถามว่า "อ้าว แล้วควายล่ะ?" เพราะจะโดนคนถามสวนทันควันว่า "ก็เมิงไง!" ^^ คำถามจริงๆ ของผมก็คือ แล้วเกมนี้สอนอะไรเรา? ลองคิดดูมั๊ยครับ คราวนี้ให้ 3 นาทีเลย ถามกันจริงจังไม่เอาขำๆ แบบตะกี้นี้ . . . ก็สอนว่า มีบางครั้งไม่ว่าเราจะพยายามยังไงก็แล้วแต่ เราอาจจะเป็นควายที่ไม่เข้าพวก ไม่สามารถอยู่ตรงไหนก็ตามในรูปประโยค เราเป็นไม่ได้ทั้งประธาน กริยา และก็กรรม เมื่อรู้ว่าเราเป็นส่วนเกิน ก็อย่าดันทุรังอยู่ในที่ของเค้า สู้เราหาที่ใหม่ที่เราสามารถเป็นส่วนหนึ่งอย่างกลมกลืนน่าจะดีกว่าเยอะ เอาใหม่ครับ...ลองเรียงคำต่อไปนี้ให้เป็นประโยค...

Post#2-166: แผ่นดินไหว...แต่หนูไม่ไหว

Post#2-166: วันนี้ผมมีอันต้องโดดงานตามคำสั่งของแม่ เพื่อไปเยี่ยมคารวะท่านผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน วันทำงานไหนที่ผมไม่เข้า office นับเป็นวันหยุดของลูกน้องโดยแท้ ^^ ที่ผมว่าแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรในกอไผ่มากไปกว่า การที่พวกเค้าจะไม่ต้องมีงานใหม่งอกขึ้นจากของเดิมที่ยังปิดงานกันไม่เสร็จ ... บางครั้งคนเป็นนายก็จำเป็นจะต้องทบทวนปริมาณงานที่มอบหมายให้ลูกน้องเช่นกันครับ เพราะเวลาสั่งน่ะง่าย สั่งแล้วก็จบ แต่งานแต่ละชิ้นที่สั่งไปใช้เวลาในการปิดงานมากน้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับความยาก-ง่ายของงาน รวมไปถึง workload ที่ลูกน้องแบกอยู่ จริงๆ ถ้าผมจะบอกว่า การติดตามงานที่มอบหมายนั้น แทบจะเป็นสิ่งที่ overlook ไม่ได้เลยทีเดียว รวมไปถึงการช่วยพวกเค้า prioritize งานด้วย งานบางอย่างเป็นงานเร่งด่วน จึงจำเป็นต้องลัดคิวบ้าง แต่บางงานแม้จะเป็นงานใหญ่ ก็ไม่จำเป็นต้องเร่งงานให้จบโดยเร็ว อืมมม...แต่ทบทวนดูดีๆ แล้ว งานของบริษัทผม มีแต่ "ด่วน" กับ "ด่วนมาก" นี่นา...ขอโทษและขอบคุณนะครับ "ลูกน้องที่รัก" ทั้งหลาย (>_<" ... เอ้า...นายๆ ทั้งหลายครับ ลองทบทวนดู...

Post#2-165: ลูกน้องที่รัก

Post#2-165: เคยได้ยินประโยคที่เค้าแซวๆ พวกประจบสอพลอทั้งหลาย ที่ว่า "ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน" กันบ้างมั๊ยครับ? บอกกันตรงๆ ว่า แม้คนเราจะไม่ชอบให้ใครก็ตามมาขัดคอ ก็จริงอยู่ แต่ถึงขนาดเออออห่อหมกกันไปทุกอย่างแบบที่ยกมาข้างต้น ผมว่าก็ไม่ไหวเหมือนกันนะครับ จริงๆ แล้วการเป็นลูกน้องน่ะไม่ยากเลยครับ แต่การเป็นลูกน้องที่ดีน่ะยากหน่อย เพราะนอกจากจะต้องทำงานตามที่นายมอบหมายมาให้แล้ว ยังต้องรู้จักประพฤติตัวให้นายให้ความเอ็นดูด้วย แน่นอนว่า เราก็ต้องรู้จักความพอเหมาะพอดีของการประพฤติตัวที่ว่า อย่าให้มันเกินงามจนเราสูญเสียศักดิ์ศรีของลูกจ้างมืออาชีพ อย่าให้มันเกินพอดีจนเพื่อนร่วมงานรู้สึกรังเกียจ และอย่าให้นายรู้สึกว่าเราเออออกับเค้าไปซะทุกเรื่องอย่างคนไร้สติ ประจบนายแต่พองามนั้นน่ารักน่าเอ็นดู แต่ถ้าเข้าขั้นสอพลอนี่ ผมต้องแอบกระซิบเตือนดังๆ ว่า เรากำลังย่างเท้าเข้าสู่ความหายนะแล้วล่ะครับ ลองคิดดูว่า ถ้าเราเออออไปกับนายในเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควร สุดท้ายถ้าผลลัพธ์ออกมาไม่ดี เราจะทำหน้ายังไงครับ? ลงท้ายคงไม่พ้นโดนนายเกลียดขี้หน้าหาว่าไม่เตือน ฉะนั้น ถ้ารักนายจริง ต้องร...

Post#2-164: ต่างวิธีในการเรียนรู้

Post#2-164: คืนวานนี้ผมมีโอกาสได้คุยกับอดีตลูกน้องท่านหนึ่ง เพราะเธอขอให้ผมเป็น Reference ให้สำหรับการเรียนต่อปริญญาโท ตอนหนึ่งของการสนทนา เธอเล่าให้ฟังว่า มีหลายคนทำให้เธอจิตตกเพราะคำพูด ประมาณว่า จะเรียนไปเพื่ออะไร ไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไรเลย เธอไม่เข้าใจว่า การตัดสินใจจะเรียนต่อในสายงานที่เธอรักและหวังจะใช้มันต่อยอดอนาคตของตัวเองน่ะ มันผิดตรงไหนกันแน่ หรือว่าจริงๆ แล้วเธอควรจะ learning by doing แทนที่จะเรียนต่อเป็นเรื่องเป็นราวแบบนี้? ... ผมคิดว่าไม่ใช่แค่เธอที่เจอเรื่องราวบั่นทอนความรู้สึกและกำลังใจแบบนี้ แต่เราหลายๆ คน มักจะเจอ "ผู้หวังดี" ในรูปแบบต่างๆ อยู่เสมอ เราไม่อาจบอกว่าคนอื่นมีวิธีการเรียนรู้ที่ไม่ถูกต้อง เพียงเพราะว่าเค้ามีวิธีการที่ไม่เหมือนกับเรา เพราะรูปแบบในการคิดและเรียนรู้ของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน เราน่าจะรู้ตัวเราเองดีที่สุด ว่าเราเหมาะกับการเรียนรู้แบบไหน แบบเป็นเรื่องเป็นราว หรือแบบครูพักลักจำ เพราะบางคนมีโครงสร้างทางความคิดแบบเป็นขั้นเป็นตอน และบางคนก็อาจมีโครงสร้างทางความคิดแบบรวบยอด ยกตัวอย่างย้อนไปไกลหน่อย สมัยที่ผมเป็...

Post#2-163: อย่ากลัวและอย่าประมาท

Post#2-163: หลายวันก่อน ได้ไปนั่งช่วยรุ่นน้องคนหนึ่งทำแผนธุรกิจสำหรับกิจการที่เริ่มต้นใหม่ของเธอ เมื่อก่อนเธอก็เป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างหลายๆ คนนี่แหละครับ แต่อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่อยู่บน BTS จู่ๆ ในหัวของเธอก็มีคำถามว่า "นี่มันใช่ชีวิตที่ชั้นต้องการจริงๆ รึเปล่า?" แล้วคำถามในวันนั้น ก็ผลักให้เธอออกจากงาน ออกจากความมั่นคงมาตามหาความท้าทายใหม่ในชีวิต ด้วยความที่เธอเป็นพวกชอบหางานอดิเรกนั่น นู่น นี่ ทำไปเรื่อย อยู่เป็นประจำ จึงส่งผลให้งานอดิเรกที่ว่านั้น กำลังจะมาเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่จะทำให้เธอได้ใช้ชีวิตการทำงานไปกับสิ่งที่เธอรัก ... ปัจจัยแวดล้อมของแต่ละคนนั้นต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายนอก เช่น โอกาสทำเงิน, ความสามารถในการแข่งขันของสินค้าหรือบริการของเรา ฯลฯ หรือปัจจัยภายใน เช่น passion, เงินเก็บ, ฯลฯ ดังนั้น ผมคงฟันธงไม่ได้ ว่าระหว่างการทำงานประจำไปพร้อมๆ กับทำงานอดิเรกเป็นการเสริมรายได้ กับการลาออกจากงานประจำ แล้วพัฒนางานอดิเรกให้เป็นอาชีพไปเลยน่ะ แบบไหนถูกกันแน่ ยังไงก็ตาม ผมก็ขอแนะนำเจ้าของกิจการมือใหม่ไฟแรงทั้งหลายไว้นิดนึงว่า "อย่าก...

Post#2-162: ตรุษจีน

Post#2-162: ช่วงนี้ครอบครัวผมคุยกันแต่เรื่องเตรียมตัวรับเทศกาลตรุษจีน... ยอมรับโดยดุษฎีเลยครับ ว่าผมมีความรู้เกี่ยวกับประเพณีนี้แบบผิวเผินเต็มที รู้แต่ว่าตอนยังเป็นเด็กก็นับวันรอ เพราะจะได้ "ซองแต๊ะเอีย" แต่พอตอนนี้ รู้สึกว่า ทำไมถึงตรุษจีนเร็วนัก ต้องควักเงินใส่ซองอีกแล้วรึนี่ >_<" สัปดาห์นี้ของผม จึงเป็นช่วงเดินสายนำส้มไปกราบสวัสดีผู้ใหญ่ที่มีเชื้อสายจีนหลายๆ ท่าน เพื่อความเป็นสวัสดิมงคลแก่ตัวผมเอง ... รวมๆ แล้ว ผมรู้สึกว่า ปีใหม่จีน ก็ไม่ได้มีบรรยากาศที่แตกต่างไปจากปีใหม่สากลและปีใหม่ไทยมากนัก คือเน้นการรวมตัวสังสรรค์ และอยู่ในอารมณ์พักผ่อน เพียงแต่ว่า ปีใหม่จีน จะเน้นในเรื่องการทำอะไรที่เกี่ยวกับความเป็นสิริมงคลมากเป็นพิเศษ และมีเรื่องของเคล็ดความเชื่อหรือเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ให้ลูกหลานพันธุ์มังกรได้ทำตามมากกว่าเทศกาลอื่นๆ ... ที่น่าสนใจก็คือ...ผมเคยคุยกันเล่นๆ กับเพื่อนๆ ว่าหากหมดรุ่นแม่ๆ ไปแล้ว ผมเองนึกไม่ออกเลยว่า ธรรมเนียมปฏิบัติต่างๆ ในแต่ละเทศกาลน่ะ ต้องทำอะไรกันบ้าง ทำวันไหน เมื่อไหร่ ฯลฯ ถ้าเป็นประเพณีไทยๆ ยังมีกระทรวงวัฒนธ...

Post#2-161: ย้ายค่ายเบอร์เดิม

Post#2-161: ผมใช้เวลาและความพยายามมากว่า 2 สัปดาห์ ในการที่จะทำเรื่องย้ายค่ายเบอร์เดิมให้สำเร็จ มันเป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่เรื่องง่ายๆ กลับกลายเป็นเรื่องยุ่งยากอย่างไม่น่าเชื่อ จนถึงขณะที่เขียน post นี้อยู่ ผมก็ยังนึกเหตุผลอื่นไม่ออกนอกจาก ความไร้จริยธรรมทางธุรกิจของค่ายต้นทาง และความไม่ใส่ใจของค่ายปลายทาง แน่นอนว่า ค่ายต้นทางไม่อยากให้เราย้ายออก จึงต้องดึงให้เรื่องช้าสารพัด ซึ่งผมคิดว่าเป็นความย่อหย่อนวุฒิภาวะทางปัญญาที่คิดว่า การดึงทุกอย่างให้ช้า จะทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจไม่ย้ายค่าย ตรงกันข้ามกลับจะทำให้ลูกค้ามี attitude ต่อ brand ในทางที่เลวร้ายมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ค่ายปลายทางก็ไม่ได้มีความกระตือรือร้นที่จะขวนขวายติดตาม ย้ายไม่ได้เพราะอะไรก็ไม่ได้มีความพยายามที่จะติดต่อหรือแจ้งความคืบหน้าให้กับลูกค้าได้รับทราบ ผมก็ยังคงต้องร้องเพลงรอต่อไป ได้เบอร์ใหม่มาก็ได้แต่มอง sim ตาปริบๆ...เรียกว่าเกิดเป็นลูกค้าในเมืองไทยนี่ก็ต้องทำใจมากอยู่เหมือนกันครับ หันกลับมามองชีวิตการทำงานของเราบ้างครับ เชื่อว่า เราก็คงเคยเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ลูกค้าไม่พอใจกันมาบ้างไม่มากก็น้อย ...

Post#2-160: Happy Valentine's

Post#2-160: ก็อย่างที่รู้กันล่ะครับ...วันนี้เป็นวันแห่งความรัก หรือ Valentine's Day สารภาพว่า ผมแต่งงานมาเกินกว่า 10 ปี ก็ยังไม่อาจบอกได้ว่า นิยามของคำว่า "ความรัก" แปลว่าอะไรกันแน่ ตามความรู้สึกของผม ความรัก เป็นส่วนผสมของหลากหลายความรู้สึก ทั้งความเสน่หา ความผูกพัน ความห่วงหา ความเข้าใจ การเป็นผู้ให้ การเป็นผู้รับ และที่สำคัญ...การให้อภัย บางครั้งบางที เราบอกตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าทำไมเราจึงรักใครสักคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่เค้าก็ไม่ได้ทำดีอะไรกับเราเลย แต่เรากลับหาเหตุผลมาบอกให้เราหยุดรักเค้าไม่ได้ มันอาจจะเป็นความหลงใหลเพียงชั่วคราว มันอาจจะเป็นความพึงใจแค่ชั่วครู่ หรือมันอาจจะเป็นบุพเพสันนิวาสที่ประสาทความรักภิรมย์ (มาเป็นเพลงเชียว...เกิดทันเพลงนี้กันมั๊ยครับ อิอิ) ก็ยากที่จะบอก "ความรัก" เป็นความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจด้วยสมอง และยากที่จะอธิบายด้วยคำพูด ต้องสัมผัสด้วยใจเท่านั้น ... ความรักของคู่รักกับความรักของคู่สามีภรรยาเอง ก็เป็นการผสมผสานกันระหว่างส่วนผสมที่ผมว่าข้างต้น เพียงแต่สัดส่วนของการผสมนั้น อาจผิดแผกแตกต่างกันไปในแต่ละคู่แต่ล...