Post#2-163:
ดังนั้น ผมคงฟันธงไม่ได้ ว่าระหว่างการทำงานประจำไปพร้อมๆ กับทำงานอดิเรกเป็นการเสริมรายได้ กับการลาออกจากงานประจำ แล้วพัฒนางานอดิเรกให้เป็นอาชีพไปเลยน่ะ แบบไหนถูกกันแน่
หลายวันก่อน ได้ไปนั่งช่วยรุ่นน้องคนหนึ่งทำแผนธุรกิจสำหรับกิจการที่เริ่มต้นใหม่ของเธอ
เมื่อก่อนเธอก็เป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างหลายๆ คนนี่แหละครับ แต่อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่อยู่บน BTS จู่ๆ ในหัวของเธอก็มีคำถามว่า "นี่มันใช่ชีวิตที่ชั้นต้องการจริงๆ รึเปล่า?"
แล้วคำถามในวันนั้น ก็ผลักให้เธอออกจากงาน ออกจากความมั่นคงมาตามหาความท้าทายใหม่ในชีวิต
ด้วยความที่เธอเป็นพวกชอบหางานอดิเรกนั่น นู่น นี่ ทำไปเรื่อย อยู่เป็นประจำ จึงส่งผลให้งานอดิเรกที่ว่านั้น กำลังจะมาเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่จะทำให้เธอได้ใช้ชีวิตการทำงานไปกับสิ่งที่เธอรัก
...
ปัจจัยแวดล้อมของแต่ละคนนั้นต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายนอก เช่น โอกาสทำเงิน, ความสามารถในการแข่งขันของสินค้าหรือบริการของเรา ฯลฯ หรือปัจจัยภายใน เช่น passion, เงินเก็บ, ฯลฯ
ดังนั้น ผมคงฟันธงไม่ได้ ว่าระหว่างการทำงานประจำไปพร้อมๆ กับทำงานอดิเรกเป็นการเสริมรายได้ กับการลาออกจากงานประจำ แล้วพัฒนางานอดิเรกให้เป็นอาชีพไปเลยน่ะ แบบไหนถูกกันแน่
ยังไงก็ตาม ผมก็ขอแนะนำเจ้าของกิจการมือใหม่ไฟแรงทั้งหลายไว้นิดนึงว่า "อย่ากลัว" และ "อย่าประมาท"
"อย่ากลัว" ก็ขยายความสั้นๆ ได้ว่า ถ้ามั่นใจแบบไหน ก็อย่ากล้าๆ กลัวๆ ลุยไปให้สุด ถ้ามัวแต่กลัวๆ กล้าๆ ไม่รู้จะเดินหน้าหรือถอยหลัง แบบนี้น่ากลัวว่าจะรอดยาก
เคยมั๊ยครับ เวลาเล่นกีฬาหรือเล่นเกม แล้วกลัวแพ้ สุดท้ายก็แพ้จริงๆ เพราะใจไปจดจ่อกับความกลัวแพ้ สมองก็เลยไม่คิดหาวิธีที่จะมุ่งไปสู่ทางชนะ
ใครเล่นกอล์ฟอย่างผมน่าจะรู้ดี ถ้าเห็นบ่อน้ำอยู่ข้างหน้า แล้วกลัวจะตีตกน้ำละก็ รับรองว่าตีตกน้ำแน่ๆ ทั้งนี้ เพราะใจไม่ได้จดจ่อไปที่การตีลูก ดันเอาใจไปจับที่บ่อน้ำซะงั้น
จะไม่กลัวได้ ก็ต่อเมื่อ มีการกำหนดเป้าหมายและวางแผนให้ชัดเจน จะกำหนดเป้าหมายได้ชัด ก็ต้องมั่นคงและแน่วแน่ รู้จักสินค้าและบริการของตัวเองให้ดี สร้างจุดต่างของตัวเองให้ได้
เมื่อเป้าหมายชัด การวางแผนก็จะชัดเจน และแน่นอนว่า ก็จะต้องศึกษาปัจจัยที่จะกระทบต่อธุรกิจที่จะทำให้มากๆ
ส่วน "อย่าประมาท" ก็คือ แม้ว่าในช่วงเริ่มต้น กิจการดูเหมือนจะไปได้ดี ทำให้เราอยากขยายกิจการให้เร็วๆ บางครั้งการเร่งรีบเกินไปในขณะที่รากฐานธุรกิจยังไม่เข้มแข็งนัก อาจทำให้เราเดินไปสู่ความเสื่อมถอย
ดังนั้น ถ้ายังตอบตัวเองไม่ได้ว่า จู่ๆ กิจการของเราเติบโตนั้น มาจากสาเหตุใด แล้วไปเร่งขยาย ด้วยการกู้เงินมาลงทุน ก็อาจกลับกลายเป็นหนี้เป็นสินไปโดยง่าย หากภายหลังมาพบว่า สาเหตุที่ทำให้ยอดขายดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา เป็นสาเหตุฉาบฉวยเพียงชั่วครู่
แต่หากรู้ว่า สาเหตุที่แท้จริงของการเติบโตของกิจการ น่าจะมีแนวโน้มที่ยั่งยืน แบบนี้ก็เดินหน้าขยายงานได้เลย
อ้อ! แล้วพอมีเงินผ่านมือเยอะๆ ก็อย่าลืมมีวินัยทางการเงินมากๆ ด้วยครับ เงินผ่านมือเยอะ ใช้แบบส่วนตัวปนกับส่วนธุรกิจ สุดท้ายหมุนเงินไม่ทัน กิจการล้มเพราะเจ้าของมือเติบ ผมก็เห็นมาไม่น้อย
...
เจ้าของกิจการมือใหม่ไฟแรงไปจนกระทั่งเจ้าของมือเก๋า ต่างต้องตอบโจทย์สำคัญของธุรกิจข้อหนึ่ง ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของการทำงานแน่ๆ
โจทย์ข้อนั้นก็คือ "ความยั่งยืน"
ไม่ยากนัก หากต้องการทำให้ธุรกิจ "เติบโต" ไม่ยากนัก หากต้องการทำให้ธุรกิจ "มั่งคั่ง" แต่การจะทำให้ธุรกิจ "ยั่งยืน" นี่สิ เป็นงานยากอย่างแท้จริง
อดีตรัฐมนตรีท่านหนึ่งสอนผมไว้เป็นหนักหนา ว่าจะต้องดูแลธุรกิจให้ "เติบโต...มั่งคั่ง...และยั่งยืน
...
เอาใจช่วยน้องๆ ทุกคนที่กำลังเดินตามความฝันอยู่ครับ ^^
Comments
Post a Comment