Post#2-153:
ค่ำวานนี้ผมมีโอกาสได้คุยกับเด็กมหา'ลัย 2 คน ที่กำลังทำธุรกิจของตัวเอง และมีความฝันที่จะขยายอาณาจักรแห่งความฝันของพวกเค้า
เราแลกเปลี่ยนมุมมองกันหลากหลาย และอยากจะสรุปว่า เค้าน่าจะได้ประโยชน์จากประสบการณ์ที่ผมมี และส่วนผมเองก็ได้ข้อมูลใหม่ๆ ว่าเด็กๆ มองโลกธุรกิจกันแบบไหน
ความจริงผมรู้สึกเป็นเรื่องสนุก เวลาได้คุยกับคนที่มีมิติต่างกันมากๆ เพราะชอบความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับรู้หรือเรียนรู้ข้อมูลใหม่ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน และในขณะเดียวกันก็เฝ้าสังเกตปฏิกิริยาที่อีกฝ่ายได้รับรู้ข้อมูลที่เค้าไม่เคยรู้จากผมเช่นกัน
หลายครั้งผมพบว่า ข้อมูลบางอย่างหรือมุมมองบางเรื่อง ช่วยเปิดประตูให้ผมเข้าไปสู่ห้องแห่งขุมทรัพย์ใหม่ๆ อย่างน้อยแม้ไม่อาจต่อยอดให้กลายเป็นธุรกิจได้ แต่ก็กลายเป็นแรงผลักดันให้ผมค้นคว้าและศึกษาธุรกิจนั้นๆ จนได้เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญา มาเก็บในคลังสมอง
เรียกว่า แม้จะยังไม่ทำให้รวยขึ้น แต่ก็ทำให้รู้มากขึ้นแน่ๆ ว่าอย่างนั้น...
ตอนหนึ่งแห่งการสนทนา ผมถามน้องเค้าว่า ถ้าเรามีโอกาสได้ทำงานร่วมกัน เค้าจะสร้าง value added อะไรให้ผมได้บ้าง แล้วเค้ามองว่าผมจะสร้าง value added ให้เค้าได้ตรงไหน? (ลองอ่าน Post#2-148 ประกอบนะครับ)
คำตอบของน้อง ทำให้ผมอมยิ้มและชื่นชมไปพร้อมๆ กัน นั่นคือ คำว่า "passion" เค้าเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่า เค้าจะเติมสิ่งนี้ลงมาในการทำงานร่วมกันได้
แน่นอนว่า เค้าก็คาดหวังที่จะเรียนรู้จากวิสัยทัศน์และประสบการณ์ที่ผม (พอ) มี
...
เวลาคุยเรื่อง passion ผมไม่อยากให้เราใช้สมองประมวลสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แต่อยากให้ใช้ใจสัมผัส
เพราะทุกคนพูดคำนี้ให้ตัวเองดูดีได้ เรียกว่า พูดด้วยการคิด แต่ไม่ได้รู้สึกแบบที่พูดออกจากใจ
คำว่า passion จึงไม่อาจสัมผัสได้ด้วยหู แต่รู้สึกได้จากความสั่นสะเทือนจาก inner ของเค้า ไปพร้อมๆ กับความแน่วแน่ในน้ำเสียง และความจริงใจในแววตา
...
หากไร้ซึ่ง passion ก็เท่ากับเราขาด octane พลังสูงที่จะเป็นแรงขับให้เราไปถึงจุดหมาย...
แม้จะมีฝีมือแต่ไร้ passion ก็ไม่ต่างอะไรกับ รถ F1 ที่จอดนิ่งอยู่ในอู่...
เอ...แบ่งคำใน passion ดีๆ ผมอ่านได้อีกแบบว่า pass • i • on นะครับ แปลแบบแถๆ (อย่างผม) ได้ว่า "ส่งให้ชั้นไปต่อ"
เห็นด้วยกับผมมั๊ยครับ ^^
Comments
Post a Comment