Post#2-161:
ผมใช้เวลาและความพยายามมากว่า 2 สัปดาห์ ในการที่จะทำเรื่องย้ายค่ายเบอร์เดิมให้สำเร็จ
มันเป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่เรื่องง่ายๆ กลับกลายเป็นเรื่องยุ่งยากอย่างไม่น่าเชื่อ จนถึงขณะที่เขียน post นี้อยู่ ผมก็ยังนึกเหตุผลอื่นไม่ออกนอกจาก ความไร้จริยธรรมทางธุรกิจของค่ายต้นทาง และความไม่ใส่ใจของค่ายปลายทาง
แน่นอนว่า ค่ายต้นทางไม่อยากให้เราย้ายออก จึงต้องดึงให้เรื่องช้าสารพัด ซึ่งผมคิดว่าเป็นความย่อหย่อนวุฒิภาวะทางปัญญาที่คิดว่า การดึงทุกอย่างให้ช้า จะทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจไม่ย้ายค่าย
ตรงกันข้ามกลับจะทำให้ลูกค้ามี attitude ต่อ brand ในทางที่เลวร้ายมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน ค่ายปลายทางก็ไม่ได้มีความกระตือรือร้นที่จะขวนขวายติดตาม ย้ายไม่ได้เพราะอะไรก็ไม่ได้มีความพยายามที่จะติดต่อหรือแจ้งความคืบหน้าให้กับลูกค้าได้รับทราบ
ผมก็ยังคงต้องร้องเพลงรอต่อไป ได้เบอร์ใหม่มาก็ได้แต่มอง sim ตาปริบๆ...เรียกว่าเกิดเป็นลูกค้าในเมืองไทยนี่ก็ต้องทำใจมากอยู่เหมือนกันครับ
หันกลับมามองชีวิตการทำงานของเราบ้างครับ
เชื่อว่า เราก็คงเคยเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ลูกค้าไม่พอใจกันมาบ้างไม่มากก็น้อย
เคยพิจารณากันมั๊ยครับ ว่าองค์กรที่เราทำงานอยู่มีนโยบายในการดูแลลูกค้าที่ไม่พอใจในสินค้าและบริการยังไงบ้าง?
ถ้าองค์กรที่เราทำงานอยู่ด้วยไม่ดูดีดูดายลูกค้า ปล่อยให้ลูกค้าเจ็บช้ำและหงุดหงิด...ผมว่าองค์กรแบบนี้ไม่น่าทำงานด้วย
เพราะขนาดลูกค้าที่เป็นผู้มีพระคุณ เค้ายังไม่เดือดร้อนไม่นำพา แล้วคิดหรือครับ ว่าพนักงานอย่างเราๆ เค้าจะคิดใส่ใจอย่างจริงจัง
เปลือกนอกน่ะสร้างได้ เสแสร้งได้ แต่จิตวิญญาณที่แท้จริงน่ะ ต้องเกิดจากสำนึกที่ดี และเสแสร้งได้ไม่เนียนหรอกครับ
การหลอกลวงที่เลวร้ายที่สุด ก็คือการหลอกลวงตัวตนที่แท้ของเรานั่นเอง...เมื่อจิตวิญญาณเป็นสิ่งไม่แท้ วิธีคิดและแนวทางดำเนินชีวิตจึงเป็นสิ่งไม่แท้โดยปริยาย
ผมเชื่อและจะพยายามเตือนตัวเองให้ใช้ชีวิตโดยที่เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน เพราะนั่นน่าจะเป็นหนทางที่แท้ของทุกๆ คนครับ
Comments
Post a Comment