Post#2-168:
เรื่องของเรื่องมันเกิดจากเมื่อวานเป็นวันแต่งงานของอดีตลูกน้องของผม แล้วผมก็อยากจะไปหาซื้อชุดสูทใหม่
ผมใช้เวลาเดินเลือกอยู่นานพอควร ก็ตกลงไปชอบใจกับชุดสูทของ brand หนึ่ง หลังจากลองชุดและวัดขนาดขากางเกงแล้ว ผมก็ถามถึง promotion
น้องเค้าแจ้งว่า ใช้แต้มในบัตรแลก sticker ส่วนลดได้ ซึ่งผมก็บอกว่า ผมต้องขอแต้มในบัตรที่ว่าจากภรรยา คงต้องรออีกกว่า 2 ชั่วโมง แต่ผมขอให้ตัดขากางเกงรอเลย เพราะเมื่อแลก sticker มาแล้ว ผมจะได้ไม่ต้องรอให้เสียเวลา
ตกลงกันเสร็จสรรพผมก็เดินเล่นชมนกชมไม้ (ในห้างเนี่ยนะ-ชมนกชมไม้) ไปตามเรื่อง เพราะต้องฆ่าเวลารอภรรยามาโปรด
เดินจนเบื่อประมาณชั่วโมงกว่าๆ ผมก็เลยเดินย้อนกลับไปที่ counter เดิม เพื่อไปดูว่าตัดขากางเกงเสร็จมั๊ย
ปรากฏว่า ไม่เจอน้องคนเดิม แต่เจออีกคนหนึ่ง ดูจากคำพูดคำจาแล้ว เข้าใจว่าน่าจะเป็นระดับพนักงานอาวุโส
ผมถามถึงกางเกงที่ขอให้ตัดขารอไว้ล่วงหน้า เพราะยังมีเวลาหากไม่ชอบใจจะได้แก้ไขได้...แต่คำตอบที่ผมได้รับคือ
...
พนักงานขาย: ยังไม่ได้ตัดเลยค่า
ผม: ทำไมล่ะ กลัวพี่ไม่กลับมาหรอ
พนักงานขาย: ใช่ค่ะ
ผม: อืมม ก็เข้าใจนะ แต่เมื่อกี้ไม่เห็นบอกแบบนี้นี่ ตอนพี่คุยกับน้องอีกคน คุณก็ยืนอยู่ด้วยนี่นา แบบนี้พี่ก็เสียเวลาไปฟรีๆ ตั้งชั่วโมงกว่าๆ แล้วพี่เดินกลับมานี่ ก็น่าจะแสดงให้เห็นแล้ว ว่าพี่จะซื้อจริงๆ แต่รอภรรยาพี่แป๊บนึง อีกชั่วโมงก็มาแล้ว
พนักงานขาย: ไม่ได้ค่ะ (หน้าหงิกมาก) พวกหนูเคยต้องจ่ายเองมาแล้ว ถ้าพี่จะเอากางเกงก็เอาเงินมาก่อน ไม่งั้นหนูก็ไม่ตัด
ผม: พี่ก็เข้าใจนะ แต่พี่กำลังรอ sticker ส่วนลดอยู่ น้องก็รู้นี่ เอางี้ พี่ทิ้งบัตรเครดิตไว้ให้ก่อนเลย จะได้สบายใจ ได้มั๊ย?
พนักงานขาย: ไม่ได้ค่ะ ยังไงๆ พี่ก็ต้องจ่ายก่อน (หน้าหงิกกว่าเดิม)
ผม: อืมมม (ผมก็เริ่มจะหงุดหงิด) งั้น...ไม่เป็นไร...เพื่อให้น้องสบายใจ พี่ไปซื้อ brand อื่นก็ได้ ขอบคุณครับ (เชอะ)
...
ใช่ว่าผมจะไม่เข้าใจว่าน้องเค้าคงเจอลูกค้าแย่ๆ มาเยอะที่ให้ตัดขากางเกงแล้วจากไป ทิ้งให้น้องรับปัญหา...แต่การใช้ประสบการณ์ในอดีตมาตัดสินลูกค้าทุกคนที่เดินเข้ามา ก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูก
ลองว่าลูกค้าเดินกลับมา ถึงขนาดจะทิ้งบัตรเครดิตไว้ให้ แปลว่ายังไงก็ไม่พลาดแล้ว แต่เธอก็ยังมองว่าลูกค้าจะมาหลอกให้อยากแล้วจากไปแบบนี้ ผมเองก็จนปัญญา
ความจริงถ้าน้องเค้าเลือกใช้คำพูดที่ฟังแล้วเสนาะหูกว่านี้อีกนิด...ผมคิดว่าน้องเค้าคงไม่พลาดการขายเป็นแน่
นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนมาก...ของการที่น้องเค้าเลือก "ชนะสนามรบ...แต่แพ้สงคราม" คือเถียงชนะแต่เสียยอดขาย -"-
แล้วถ้าคุณเป็นพนักงานขายคนนั้น จะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้ครับ?
เรื่องของเรื่องมันเกิดจากเมื่อวานเป็นวันแต่งงานของอดีตลูกน้องของผม แล้วผมก็อยากจะไปหาซื้อชุดสูทใหม่
ผมใช้เวลาเดินเลือกอยู่นานพอควร ก็ตกลงไปชอบใจกับชุดสูทของ brand หนึ่ง หลังจากลองชุดและวัดขนาดขากางเกงแล้ว ผมก็ถามถึง promotion
น้องเค้าแจ้งว่า ใช้แต้มในบัตรแลก sticker ส่วนลดได้ ซึ่งผมก็บอกว่า ผมต้องขอแต้มในบัตรที่ว่าจากภรรยา คงต้องรออีกกว่า 2 ชั่วโมง แต่ผมขอให้ตัดขากางเกงรอเลย เพราะเมื่อแลก sticker มาแล้ว ผมจะได้ไม่ต้องรอให้เสียเวลา
ตกลงกันเสร็จสรรพผมก็เดินเล่นชมนกชมไม้ (ในห้างเนี่ยนะ-ชมนกชมไม้) ไปตามเรื่อง เพราะต้องฆ่าเวลารอภรรยามาโปรด
เดินจนเบื่อประมาณชั่วโมงกว่าๆ ผมก็เลยเดินย้อนกลับไปที่ counter เดิม เพื่อไปดูว่าตัดขากางเกงเสร็จมั๊ย
ปรากฏว่า ไม่เจอน้องคนเดิม แต่เจออีกคนหนึ่ง ดูจากคำพูดคำจาแล้ว เข้าใจว่าน่าจะเป็นระดับพนักงานอาวุโส
ผมถามถึงกางเกงที่ขอให้ตัดขารอไว้ล่วงหน้า เพราะยังมีเวลาหากไม่ชอบใจจะได้แก้ไขได้...แต่คำตอบที่ผมได้รับคือ
...
พนักงานขาย: ยังไม่ได้ตัดเลยค่า
ผม: ทำไมล่ะ กลัวพี่ไม่กลับมาหรอ
พนักงานขาย: ใช่ค่ะ
ผม: อืมม ก็เข้าใจนะ แต่เมื่อกี้ไม่เห็นบอกแบบนี้นี่ ตอนพี่คุยกับน้องอีกคน คุณก็ยืนอยู่ด้วยนี่นา แบบนี้พี่ก็เสียเวลาไปฟรีๆ ตั้งชั่วโมงกว่าๆ แล้วพี่เดินกลับมานี่ ก็น่าจะแสดงให้เห็นแล้ว ว่าพี่จะซื้อจริงๆ แต่รอภรรยาพี่แป๊บนึง อีกชั่วโมงก็มาแล้ว
พนักงานขาย: ไม่ได้ค่ะ (หน้าหงิกมาก) พวกหนูเคยต้องจ่ายเองมาแล้ว ถ้าพี่จะเอากางเกงก็เอาเงินมาก่อน ไม่งั้นหนูก็ไม่ตัด
ผม: พี่ก็เข้าใจนะ แต่พี่กำลังรอ sticker ส่วนลดอยู่ น้องก็รู้นี่ เอางี้ พี่ทิ้งบัตรเครดิตไว้ให้ก่อนเลย จะได้สบายใจ ได้มั๊ย?
พนักงานขาย: ไม่ได้ค่ะ ยังไงๆ พี่ก็ต้องจ่ายก่อน (หน้าหงิกกว่าเดิม)
ผม: อืมมม (ผมก็เริ่มจะหงุดหงิด) งั้น...ไม่เป็นไร...เพื่อให้น้องสบายใจ พี่ไปซื้อ brand อื่นก็ได้ ขอบคุณครับ (เชอะ)
...
ใช่ว่าผมจะไม่เข้าใจว่าน้องเค้าคงเจอลูกค้าแย่ๆ มาเยอะที่ให้ตัดขากางเกงแล้วจากไป ทิ้งให้น้องรับปัญหา...แต่การใช้ประสบการณ์ในอดีตมาตัดสินลูกค้าทุกคนที่เดินเข้ามา ก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูก
ลองว่าลูกค้าเดินกลับมา ถึงขนาดจะทิ้งบัตรเครดิตไว้ให้ แปลว่ายังไงก็ไม่พลาดแล้ว แต่เธอก็ยังมองว่าลูกค้าจะมาหลอกให้อยากแล้วจากไปแบบนี้ ผมเองก็จนปัญญา
ความจริงถ้าน้องเค้าเลือกใช้คำพูดที่ฟังแล้วเสนาะหูกว่านี้อีกนิด...ผมคิดว่าน้องเค้าคงไม่พลาดการขายเป็นแน่
นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนมาก...ของการที่น้องเค้าเลือก "ชนะสนามรบ...แต่แพ้สงคราม" คือเถียงชนะแต่เสียยอดขาย -"-
แล้วถ้าคุณเป็นพนักงานขายคนนั้น จะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้ครับ?
Comments
Post a Comment