Post#2-170:
ในช่วงเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ หลายๆ คนจำเป็นต้องดิ้นรนทำงานมากกว่าหนึ่งอย่าง เพื่อหารายได้เสริม
สำหรับคนที่เป็นเจ้าของกิจการก็ง่ายหน่อยครับ อยากจะทำอะไรเพื่อให้เกิดรายได้งอกเงยก็คิดได้แล้วก็ทำเลย ไม่ต้องเกรงใจใครมากนัก
แต่กับคนที่ทำงานประจำ หรือเป็นมนุษย์เงินเดือน ก็ต้องบอกว่ายากหน่อย...จะทำงานเสริมก็ต้องรู้จักความพอเหมาะพอดี
ถ้างานเสริมนั้น ไม่ได้ทำให้งานประจำเสียหาย ก็คงไม่มีปัญหาครับ...แต่คราวนี้ปัญหามันอยู่ที่ว่า จะตีความยังไง ถึงจะสรุปได้ว่า งานเสริมของเราไม่ได้ทำให้งานประจำเสียหาย?
ผมไม่ทราบว่า ท่านอื่นๆ มีเกณฑ์ตัดสินยังไงนะครับ แต่ตัวผมเองใช้หลัก 3 ไม่ คือ
ไม่แข่งขัน, ไม่ลดทอน และไม่เบียดบัง
ไม่แข่งขัน คงไม่ต้องแปล แต่ถ้าจะให้ขยายความก็คือ อย่าไปทำอะไรที่เหมือนเป็นการแข่งกับองค์กรที่จ่ายรายได้หลักเลี้ยงชีพเรา
ไม่ลดทอน คือ เราต้องไม่ทำให้ productivity ของงานประจำลดทอนหรือเสียหาย เช่น ไปเล่นดนตรีกลางคืน พอเช้ามาก็มาทำงานแบบง่วงๆ มึนๆ
ไม่เบียดบัง ก็คือ รับงานนอกมา แต่มาใช้ทรัพยากรของ office เพื่อทำงานนอก...ในที่นี้หมายรวมถึง ใช้เวลางานประจำทำงานส่วนตัว, ใช้อุปกรณ์ office ทำงานส่วนตัว และใช้ลูกน้องของ office ทำงานของตัวเอง
ใครที่ทำงานประจำ และหาโอกาสทำรายได้เสริม ก็จำต้องเข้าใจและเรียนรู้ใน "หลัก 3 ไม่" นี้ล่ะครับ
...
เงินน่ะใครๆ ก็อยากได้ อยากมี แต่ถ้าได้เงินมาโดยต้องแลกกับคุณภาพงานที่แย่ลงนั้น จะกลายเป็นว่าเราชนะสั้น แต่จะแพ้ในระยะยาว
เปรียบไปแล้ว ก็เหมือนการ "จับปลาสองมือ" หรือ "โลภมากลาภหาย" นั่นแหละครับ คืออยากทำทุกอย่าง แต่ไม่ได้ดีเลยซะอย่าง
ดังนั้น จะจับปลา 2 มือ ก็พยายามเลือกปลาประเภทคล้ายๆ กัน จะโลภมากก็พยายามจัดสรรเวลาให้พอเหมาะนะครับ
ทำงานใหม่หรือหารายได้เสริม แต่ทำให้งานเดิมหรือรายได้หลักเสียหายนี่ ต้องถือว่า "ไร้ศักดิ์ศรี" ของคนทำงานอย่างไม่น่าให้อภัยครับ...
ในช่วงเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ หลายๆ คนจำเป็นต้องดิ้นรนทำงานมากกว่าหนึ่งอย่าง เพื่อหารายได้เสริม
สำหรับคนที่เป็นเจ้าของกิจการก็ง่ายหน่อยครับ อยากจะทำอะไรเพื่อให้เกิดรายได้งอกเงยก็คิดได้แล้วก็ทำเลย ไม่ต้องเกรงใจใครมากนัก
แต่กับคนที่ทำงานประจำ หรือเป็นมนุษย์เงินเดือน ก็ต้องบอกว่ายากหน่อย...จะทำงานเสริมก็ต้องรู้จักความพอเหมาะพอดี
ถ้างานเสริมนั้น ไม่ได้ทำให้งานประจำเสียหาย ก็คงไม่มีปัญหาครับ...แต่คราวนี้ปัญหามันอยู่ที่ว่า จะตีความยังไง ถึงจะสรุปได้ว่า งานเสริมของเราไม่ได้ทำให้งานประจำเสียหาย?
ผมไม่ทราบว่า ท่านอื่นๆ มีเกณฑ์ตัดสินยังไงนะครับ แต่ตัวผมเองใช้หลัก 3 ไม่ คือ
ไม่แข่งขัน, ไม่ลดทอน และไม่เบียดบัง
ไม่แข่งขัน คงไม่ต้องแปล แต่ถ้าจะให้ขยายความก็คือ อย่าไปทำอะไรที่เหมือนเป็นการแข่งกับองค์กรที่จ่ายรายได้หลักเลี้ยงชีพเรา
ไม่ลดทอน คือ เราต้องไม่ทำให้ productivity ของงานประจำลดทอนหรือเสียหาย เช่น ไปเล่นดนตรีกลางคืน พอเช้ามาก็มาทำงานแบบง่วงๆ มึนๆ
ไม่เบียดบัง ก็คือ รับงานนอกมา แต่มาใช้ทรัพยากรของ office เพื่อทำงานนอก...ในที่นี้หมายรวมถึง ใช้เวลางานประจำทำงานส่วนตัว, ใช้อุปกรณ์ office ทำงานส่วนตัว และใช้ลูกน้องของ office ทำงานของตัวเอง
ใครที่ทำงานประจำ และหาโอกาสทำรายได้เสริม ก็จำต้องเข้าใจและเรียนรู้ใน "หลัก 3 ไม่" นี้ล่ะครับ
...
เงินน่ะใครๆ ก็อยากได้ อยากมี แต่ถ้าได้เงินมาโดยต้องแลกกับคุณภาพงานที่แย่ลงนั้น จะกลายเป็นว่าเราชนะสั้น แต่จะแพ้ในระยะยาว
เปรียบไปแล้ว ก็เหมือนการ "จับปลาสองมือ" หรือ "โลภมากลาภหาย" นั่นแหละครับ คืออยากทำทุกอย่าง แต่ไม่ได้ดีเลยซะอย่าง
ดังนั้น จะจับปลา 2 มือ ก็พยายามเลือกปลาประเภทคล้ายๆ กัน จะโลภมากก็พยายามจัดสรรเวลาให้พอเหมาะนะครับ
ทำงานใหม่หรือหารายได้เสริม แต่ทำให้งานเดิมหรือรายได้หลักเสียหายนี่ ต้องถือว่า "ไร้ศักดิ์ศรี" ของคนทำงานอย่างไม่น่าให้อภัยครับ...
Comments
Post a Comment