Skip to main content

Post#2-160: Happy Valentine's

Post#2-160:
ก็อย่างที่รู้กันล่ะครับ...วันนี้เป็นวันแห่งความรัก หรือ Valentine's Day

สารภาพว่า ผมแต่งงานมาเกินกว่า 10 ปี ก็ยังไม่อาจบอกได้ว่า นิยามของคำว่า "ความรัก" แปลว่าอะไรกันแน่

ตามความรู้สึกของผม ความรัก เป็นส่วนผสมของหลากหลายความรู้สึก ทั้งความเสน่หา ความผูกพัน ความห่วงหา ความเข้าใจ การเป็นผู้ให้ การเป็นผู้รับ และที่สำคัญ...การให้อภัย

บางครั้งบางที เราบอกตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าทำไมเราจึงรักใครสักคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่เค้าก็ไม่ได้ทำดีอะไรกับเราเลย แต่เรากลับหาเหตุผลมาบอกให้เราหยุดรักเค้าไม่ได้

มันอาจจะเป็นความหลงใหลเพียงชั่วคราว มันอาจจะเป็นความพึงใจแค่ชั่วครู่ หรือมันอาจจะเป็นบุพเพสันนิวาสที่ประสาทความรักภิรมย์ (มาเป็นเพลงเชียว...เกิดทันเพลงนี้กันมั๊ยครับ อิอิ) ก็ยากที่จะบอก

"ความรัก" เป็นความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจด้วยสมอง และยากที่จะอธิบายด้วยคำพูด ต้องสัมผัสด้วยใจเท่านั้น

...

ความรักของคู่รักกับความรักของคู่สามีภรรยาเอง ก็เป็นการผสมผสานกันระหว่างส่วนผสมที่ผมว่าข้างต้น เพียงแต่สัดส่วนของการผสมนั้น อาจผิดแผกแตกต่างกันไปในแต่ละคู่แต่ละช่วงเวลา

เมื่อคุณมีความรัก...อย่าคาดหวังว่ามันจะเหมือนเดิมและคงเดิม มันอาจจะเพิ่มลดแปรเปลี่ยนเป็นอนิจจัง แต่ถ้าคุณมีความเข้าใจเป็นพื้นฐาน คุณก็ย่อมจะประคองความรักให้ยาวนานขึ้นได้

ผมเคยคุยให้ฟังเรื่องราวแห่งความรักและชีวิตคู่มาหลายครั้ง (Post#119, 160 และ 280) และจะขอย้ำอีกครั้งว่า ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนที่จะต้องช่วยกันดูแลรักษาและประคับประคอง

และเราไม่จำเป็นที่จะต้องรอที่จะแสดงความรักกันแค่ในวันนี้ เพราะทุกวันเป็นวันแห่งความรักได้

...

บอกรักกันบ้างไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือเสียหาย แต่ขณะที่บอกอีกฝ่าย ให้บอกด้วยความรู้สึกที่มาจากหัวใจ ไม่ใช่มาจากการสั่งการของสมอง...

สุขสันต์วันแห่งความรักด้วยประโยคทองที่ผมใช้เตือนใจในการประคองชีวิตคู่มาโดยตลอด...

"ความเข้าใจสำคัญสำหรับความรัก...แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ ยังคงรัก...แม้ในวันที่ไม่เข้าใจ"

(*ใครแต่งไว้ไม่รู้...แต่ก็ขอบคุณมากๆ ครับ)

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...