Post#2-159:
เย็นย่ำวันวาน ผมมีนัด dinner สุดชิคที่ The Groove ที่ Central World
เป็นครั้งแรกที่ได้มาที่ hang out แห่งใหม่ ที่ผมเองก็รู้สึกว่า เป็นที่ๆ เท่มาก ไว้ว่างๆ ต้องพาภรรยามากิ๊บเก่บ้าง แม้วัยผมอาจจะเกินไปนิด ^^
นัดที่ว่า ไม่มีอะไรมากไปกว่า ไปพบเพื่อนใหม่ที่เพื่อนสนิทของผมอยากแนะนำให้รู้จัก...
ประเด็นหลักๆ ที่คุยกัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับ "ธรรมะ"
อ่านซ้ำอีกครั้งก็ได้ครับ เราคุยกันเรื่อง "ธรรมะ" ในสถานที่ที่ขัดแย้งกับเรื่องที่คุยอย่างที่สุด
อาหารที่ทานน่ะอร่อยอยู่แล้ว แต่ผมกลับมีความรู้สึกว่า "อิ่มใจ" มากกว่า "อิ่มท้อง" และกลับบ้านด้วยความรู้สึกว่า "จิตวิญญาณ" ได้รับการยกระดับขึ้น ใจเบาและเปี่ยมปิติ
สำหรับผม การได้พบสหายทางโลกนั้น เป็นความยินดี แต่การได้พบสหายทางธรรมนั้น เป็นความปิติและปรีดา
การคุยเรื่องทางโลก มักต้องการคำตอบแบบขาวหรือดำ หากแต่การคุยเรื่องทางธรรม คำตอบกลับเป็นเรื่องรอง ที่สำคัญคือการต่อยอดให้ได้คิดและได้แลกเปลี่ยนวุฒิปัญญา
...
คืนวานจึงเป็นหนึ่งในไม่กี่วัน ที่ผมนอนหลับได้อย่างสนิทยาวนาน อย่างไม่เคยเป็น อย่างน้อยก็ในช่วงหลายปีมานี้
การหลับสนิทเพราะออกแรงมาหนัก กับหลับสนิทเพราะออกกำลังสติมามาก ให้ผลลัพธ์หลังการตื่นนอนที่ต่างกันมากมาย
แบบแรก เราตื่นด้วยความอ่อนเพลีย แต่แบบหลังเราตื่นด้วยความกระปรี้กระเปร่า...
ใครที่พอมีโอกาส ลองหาสหายทางธรรมในการต่อยอดความรู้ดูเถิดครับ ผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้คุณมีวัตถุดิบชั้นเลิศในการนำไปปรุงอาหารใจได้อีกมากมายนัก
และผมได้พิสูจน์แล้ว ว่าการคุยเรื่องธรรมะนั้น ไม่จำเป็นต้องคุยในวัดหรือที่รโหฐานแต่อย่างใด คุยที่ไหนก็ได้ ตราบเท่าที่ใจของเรามี "โยนิโสมนสิการ" ในธรรมะที่เราพูดคุย
ที่สำคัญ อย่าคุยเรื่องธรรมะแต่ในมุมแห่งศรัทธา แต่ต้องมีมุมแห่งปัญญาควบคู่ไปด้วยเสมอ
...
เราชาวพุทธต่างก็รู้ว่า เรื่องแห่งธรรมะเป็น "ปัจจัตตัง" แปลว่า ใครทำใครได้ ใครทำใครรู้ และบางเรื่องเราไม่อาจใช้ภาษาหรือตรรกะแห่งทางโลก มาอธิบายสัจธรรมหรือองค์ความรู้ทางธรรมะได้
เปรียบเสมือนเราเรียนแค่บวกเลข จะหาญกล้าไปสอนคนให้แก้โจทย์พีธากอรัส คงทำไม่ได้
แต่จะยังไงก็ตาม อย่างที่ผมว่าไว้ ในการสนทนาธรรม ผลลัพธ์อาจไม่สำคัญเท่ากระบวนการที่เราพูดคุยซะด้วยซ้ำ...
อิ่มใจใดฤาจะเท่าอิ่มใจในธรรมะ...ลองดูนะครับ ^^
Comments
Post a Comment