Skip to main content

Post#3-207: อยากอยู่เพราะดี vs ดีเพราะเราอยู่

Post#3-207:
บ่ายวานนี้ ผมมีนัด Conference Call กับ Vendor รายหนึ่ง ที่อยู่ต่างประเทศ

เนื่องจากภารกิจรัดตัว จึงมอบหมายให้ลูกน้องท่านหนึ่ง (สมมติว่าชื่อน้อง M นะครับ) เป็นผู้เตรียมข้อมูลให้ทั้งหมด...ที่สำคัญคือ M เพิ่งจะเริ่มงานได้ไม่ถึงเดือนดี และมีเวลาเตรียมข้อมูลไม่นาน

แต่แม้ว่า M จะยังใหม่มาก แต่ก็ถือว่า การเตรียมการและเตรียมข้อมูลต่างๆ นั้น อยู่ในขั้น "สอบผ่าน"...ก็ถือเป็นเด็กจบใหม่ที่มีแววดี...น่าจะพัฒนาให้กลายมาเป็นกำลังสำคัญขององค์กรได้ในอนาคต

...

หลังจากเตรียมความพร้อมสำหรับ Conference Call แล้ว ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง...ผมก็เลยชวน M คุยฆ่าเวลา

ตอนหนึ่งของการสนทนา...ผมถาม M ว่าชอบงานที่ได้รับมอบหมายไปมั๊ย?

M บอกว่า ชอบ เพราะงานท้าทายดี แต่คงต้องอาศัยเวลาในการเรียนรู้อีกสักพัก และขอบคุณที่องค์กรให้โอกาส แม้ว่าตัวเธอจะยังมีประสบการณ์น้อย

ผมบอก M ว่า ทั้งองค์กรและตัว M ต่างก็มีวาสนาในการทำงานร่วมกัน...ไม่ใช่แค่องค์กรเลือกเรา แต่เราเองก็ต้องเลือกองค์กรด้วยเช่นกัน

...

ผมเห็นด้วยครับ ว่าใครๆ ต่างก็อยากได้โอกาสทำงานในองค์กรที่มีชื่อเสียง, มั่งคั่ง และมั่นคง...

แต่ด้วยเหตุเพราะผู้คนส่วนมาก ไม่ได้มีโอกาสได้เริ่มต้นอาชีพกับองค์กรที่ว่ากันทุกคน ดังนั้น จึงจำเป็นอยู่เองที่จะต้องเริ่มต้นในองค์กรเล็กๆ เพื่อเป็นบันไดทอดไปสู่องค์กรที่ดีกว่าทั้งสิ้น...

ไม่ใช่เรื่องผิด ที่คนเราอยากจะทำงานหรืออยู่ในองค์กรที่ดี...

แต่จะมีสักกี่คน ที่จะหวนคิดว่า ณ ขณะที่ทำงานกับองค์กรเล็กๆ นั้น จะทำอะไรให้องค์กรนี้ กลายเป็นองค์กรที่ดีขึ้นได้บ้าง?

...

ขอฝากคำถามทิ้งท้ายไว้ว่า...

เราอยากจะไปทำงานกับองค์กรที่ดีอยู่ก่อนแล้ว...หรือเราจะเลือกทำงานกับองค์กรที่น่าจะกลายเป็นองค์กรที่ดีได้ หากว่าได้เราไปอยู่ด้วย?

เช่นเคย...ที่ผมจะไม่มีเฉลยให้...แต่หากว่าเราหาคำตอบจากตัวเองอย่างซื่อสัตย์ได้แล้วละก็

...ผมรับประกันได้ว่า คำตอบที่ได้ จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของเราเองครับ...

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...