Skip to main content

Post#3-229: ภาพเบื้องหลังของ "ร้านอาหาร"

Post#3-229:
ช่วงนี้ ผมวุ่นๆ วายๆ อยู่กับการทำร้านอาหารสุขภาพ ร่วมกับน้องสาวคนเล็ก (Post#3-216)

เป็นประสบการณ์ที่ถือว่ามีค่ายิ่งสำหรับผม เพราะถือเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน...แม้จะเคยไปช่วยน้องสาวอีกคน วางระบบปรับปรุงร้าน ที่ Houston มาแล้วก็ตาม...แต่ครั้งนี้ ผมต้องเริ่มทุกอย่างใหม่หมด คือเริ่มจาก "ศูนย์" นั่นเลย

ยิ่งเปิดร้านอาหารใน Department Store ด้วยแล้ว...ยิ่งทวีความยุ่งยากและมีขั้นตอนมากขึ้นอีกเป็น 2-3 เท่า

...

การทำร้านอาหารนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนกับการดูแลลูก...เพราะต้องใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน

โดยเฉพาะน้องสาวของผม ซึ่งรับหน้าที่เป็นทั้งผู้จัดการร้าน และ Chef ด้วยตัวเอง ยิ่งมีภาระหนักหนาอย่างยิ่ง

ในแต่ละวัน กว่าจะออกจากร้านได้...อย่างเร็วก็ไม่ต่ำกว่า 4 ทุ่มครึ่ง กว่าจะถึงบ้านก็ดึกดื่น และต้องตื่นตั้งแต่ย่ำรุ่ง เพื่อไปจ่ายของ และทำอาหารเตรียมขาย

มาถึงร้านก็ทั้งต้อนรับลูกค้า, เป็น Cashier, เสิร์ฟอาหาร และแน่นอนว่า งานหลักก็คือ ต้องทำอาหาร

ที่ต้องยกนิ้วให้ก็คือ...มันเป็นงาน Routine ที่ไม่มีวันหยุด ทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ วันละไม่ต่ำกว่า 18 ชั่วโมง >_<"

...

ภาพจำของคุณหนูหรือคุณชายทั้งหลายที่ฝันอยากจะมีร้านอาหาร คือภาพแห่งความสวยงาม...ที่ยังไม่เคยเห็นภาพเบื้องหลังอย่างที่น้องสาวผมลงมือทำ

การเตรียมงานหลังบ้าน เพื่อที่จะให้หน้าบ้านพร้อมที่จะต้อนรับลูกค้าได้เป็นอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศร้าน, รสชาติอาหาร รวมไปถึงการให้บริการ...จึงถือเป็นสมรภูมิที่ยากยิ่ง

และก็ใช่ว่า แม้จะตั้งใจและใส่ใจกับทุกเรื่องแล้ว...จะแปลว่า จะทำร้านอาหารได้เป็นที่โดนใจคุณลูกค้านะครับ

...ผมจึงขอชื่นชมในความใส่ใจของท่านเจ้าของร้านอาหารทุกๆ ท่าน ที่ทำให้ลูกค้าอย่างเราๆ ได้มีความสุขทุกๆ ครั้งที่ได้ไปเยือนร้านในดวงใจครับ...

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...