Post#3-232:
คงปฏิเสธไม่ได้กระมังครับ ว่าปัจจุบัน Internet น่าจะใกล้เคียงกับการเป็นปัจจัยที่ 5 ของใครหลายๆ คนไปแล้ว
ไม่ว่าจะทำอะไร, ล้วนแล้วแต่จะมีการบริโภค Data มาเกี่ยวพันไปเสียทุกเรื่อง
ใช้ Data มาก ก็เสียเงินมาก, ดังนั้น คนจึงชอบใช้ Wi-fi เพราะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้ดี
ดังนั้น...จึงกลายเป็นเรื่องปกติ ที่เมื่อไปตามร้านอาหาร, ก่อนเปิด Menu เราจะถามหา Wi-fi Password เป็นอันดับแรก
...
ระหว่างรออาหาร, ถ้าไม่คุยกัน เราก็จะฆ่าเวลาด้วยการ แชะ & แชร์...กระทั่งอาหารมาเสิร์ฟ เราก็ยังต้องถ่ายรูปเพื่อโพสท์ ไม่งั้นก็ห้ามกิน
หากผมเรียกอาการเหล่านี้ว่า "อาการเสพติด Wi-fi" ก็ไม่น่าจะเกินเลยไปนัก
อันว่าอาการแบบนี้ จึงทำให้เราพบเห็น "สังคม" ก้มหน้ามากขึ้นและมากขึ้น
เราคุยกับเพื่อนด้วยการ Chat มากกว่าการโทรฯ, เราบอกรักกันผ่าน Social Network แทนการบอกรักกันต่อหน้า
เราบริโภค Data หรือที่เรียกว่า Non-voice Service มากกว่า Voice Service
...
ไม่รู้ใครเป็นคนคิดวาทะต่อไปนี้, แต่อ่านแล้วเจ็บๆ คันๆ ดีครับ...อ่านแล้วไม่รู้ว่า จะทำให้บางคนหันกลับมาคิดได้มากขึ้นมั๊ยหนอ?
เค้าว่าไว้อย่างนี้ครับ...
"Imagine if tree gave off Wi-fi signal, we would be planting so many trees, and we'd probably save the planet, too. Too bad they only produce Oxygen we breathe."
แปลว่า "ลองจินตนาการว่า ถ้าต้นไม้ปล่อยสัญญาณ Wi-fi ได้ เราคงจะปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นอีกเยอะ และนั่นก็อาจจะทำให้เราช่วยดาวเคราะห์ที่ชื่อ "โลก" ได้...น่าเสียดายนะ ที่ต้นไม้ก็แค่ผลิต "ออกซิเจน" ที่เราหายใจ เท่านั้นเอง"
คงปฏิเสธไม่ได้กระมังครับ ว่าปัจจุบัน Internet น่าจะใกล้เคียงกับการเป็นปัจจัยที่ 5 ของใครหลายๆ คนไปแล้ว
ไม่ว่าจะทำอะไร, ล้วนแล้วแต่จะมีการบริโภค Data มาเกี่ยวพันไปเสียทุกเรื่อง
ใช้ Data มาก ก็เสียเงินมาก, ดังนั้น คนจึงชอบใช้ Wi-fi เพราะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้ดี
ดังนั้น...จึงกลายเป็นเรื่องปกติ ที่เมื่อไปตามร้านอาหาร, ก่อนเปิด Menu เราจะถามหา Wi-fi Password เป็นอันดับแรก
...
ระหว่างรออาหาร, ถ้าไม่คุยกัน เราก็จะฆ่าเวลาด้วยการ แชะ & แชร์...กระทั่งอาหารมาเสิร์ฟ เราก็ยังต้องถ่ายรูปเพื่อโพสท์ ไม่งั้นก็ห้ามกิน
หากผมเรียกอาการเหล่านี้ว่า "อาการเสพติด Wi-fi" ก็ไม่น่าจะเกินเลยไปนัก
อันว่าอาการแบบนี้ จึงทำให้เราพบเห็น "สังคม" ก้มหน้ามากขึ้นและมากขึ้น
เราคุยกับเพื่อนด้วยการ Chat มากกว่าการโทรฯ, เราบอกรักกันผ่าน Social Network แทนการบอกรักกันต่อหน้า
เราบริโภค Data หรือที่เรียกว่า Non-voice Service มากกว่า Voice Service
...
ไม่รู้ใครเป็นคนคิดวาทะต่อไปนี้, แต่อ่านแล้วเจ็บๆ คันๆ ดีครับ...อ่านแล้วไม่รู้ว่า จะทำให้บางคนหันกลับมาคิดได้มากขึ้นมั๊ยหนอ?
เค้าว่าไว้อย่างนี้ครับ...
"Imagine if tree gave off Wi-fi signal, we would be planting so many trees, and we'd probably save the planet, too. Too bad they only produce Oxygen we breathe."
แปลว่า "ลองจินตนาการว่า ถ้าต้นไม้ปล่อยสัญญาณ Wi-fi ได้ เราคงจะปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นอีกเยอะ และนั่นก็อาจจะทำให้เราช่วยดาวเคราะห์ที่ชื่อ "โลก" ได้...น่าเสียดายนะ ที่ต้นไม้ก็แค่ผลิต "ออกซิเจน" ที่เราหายใจ เท่านั้นเอง"
Comments
Post a Comment