Post#3-210:
บ่ายแก่ๆ วันนี้ ผมพบตัวเองอยู่ใน War Room กับทีมบริหารขององค์กรแห่งหนึ่ง ที่ทำงานร่วมกับทีมของผม
ประเด็นสำคัญที่เราจำต้องแก้ไขก็คือ Vendor ที่ทำงานกับเรา จู่ๆ ก็ถอนตัวกลางอากาศ ทำให้ทีมงานเกิดอาการมึนอยู่พักใหญ่
หลังจากฟังสรุปสถานการณ์แล้ว...เราจึงเรียกประชุมทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้องโดยทันที เพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
...
ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจแบบนี้...การเอาตัวรอดในลักษณะแบบที่องค์กรนี้เจอ เป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และมักเกิดขึ้นแบบไม่ทันให้ได้รู้เนื้อรู้ตัวด้วยเช่นกัน
แทนที่จะเอาเวลาไปตัดพ้อต่อว่า Vendor หรือจะไปดำเนินการใดๆ ทางกฎหมาย...เรื่องเร่งด่วน ควรจะเป็นการจัดการให้ธุรกิจเดินไปข้างหน้าให้ได้เสียก่อน
หรือพูดง่ายๆ ว่า ก่อนจะคุยกันเรื่องป้องกันไฟไหม้ ก็ต้องจัดการเรื่องดับไฟให้ได้ก่อนเป็นอย่างแรก
...
ใน War Room นั้น เราต้องให้ความสำคัญกับ "งานด่วน" ก่อนที่จะคิดถึง "งานใหญ่"...หรือหมายความว่า ต้องเอา "ชีวิต" ให้รอดก่อนเป็นสำคัญ
ถ้ารอดระยะสั้นนี้ไปไม่ได้...ก็ไม่มีหวังที่จะมีชีวิตรอดไปทำแผนระยะยาว
สำคัญที่สุดเมื่อเจอวิกฤตแบบนี้ ทุกคนต้องมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และต้องเต็มใจช่วยเหลืองานโดยไม่เกี่ยงงอน
...
มีข้อสังเกตว่า ลักษณะพิเศษของการวางแผนจาก War Room นั้น จำเป็นจะต้องคิดเผื่อไว้หลายๆ Scenario
แม้ว่า เราอาจจะคิดได้ไม่ครบทุก Scenario ที่อาจจะเกิดขึ้น...แต่อย่างน้อย เราควรจะมีแผนหลักๆ ไว้รับมือ Scenario ที่เราคาดว่าจะต้องเจอแน่ๆ ให้ได้เสียก่อน
อีกข้อสังเกตหนึ่งที่ต้องกำหนดให้ชัดๆ ก็คือ ผู้ตัดสินใจต้องมีแค่ "คนเดียว"...ไม่งั้นแล้ว ผู้ปฏิบัติคงปวดหัวจนไม่เป็นอันทำงาน
...
สรุปแล้ว แผนงานจาก War Room จึงน่าจะประกอบไปด้วย 4 คุณลักษณะนี้ครับ
คิดรอบ...ฉับไว...ร่วมใจ...เด็ดขาด
...ขอเอาใจช่วยทุกทีมที่เจอปัญหาครับ...
บ่ายแก่ๆ วันนี้ ผมพบตัวเองอยู่ใน War Room กับทีมบริหารขององค์กรแห่งหนึ่ง ที่ทำงานร่วมกับทีมของผม
ประเด็นสำคัญที่เราจำต้องแก้ไขก็คือ Vendor ที่ทำงานกับเรา จู่ๆ ก็ถอนตัวกลางอากาศ ทำให้ทีมงานเกิดอาการมึนอยู่พักใหญ่
หลังจากฟังสรุปสถานการณ์แล้ว...เราจึงเรียกประชุมทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้องโดยทันที เพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
...
ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจแบบนี้...การเอาตัวรอดในลักษณะแบบที่องค์กรนี้เจอ เป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และมักเกิดขึ้นแบบไม่ทันให้ได้รู้เนื้อรู้ตัวด้วยเช่นกัน
แทนที่จะเอาเวลาไปตัดพ้อต่อว่า Vendor หรือจะไปดำเนินการใดๆ ทางกฎหมาย...เรื่องเร่งด่วน ควรจะเป็นการจัดการให้ธุรกิจเดินไปข้างหน้าให้ได้เสียก่อน
หรือพูดง่ายๆ ว่า ก่อนจะคุยกันเรื่องป้องกันไฟไหม้ ก็ต้องจัดการเรื่องดับไฟให้ได้ก่อนเป็นอย่างแรก
...
ใน War Room นั้น เราต้องให้ความสำคัญกับ "งานด่วน" ก่อนที่จะคิดถึง "งานใหญ่"...หรือหมายความว่า ต้องเอา "ชีวิต" ให้รอดก่อนเป็นสำคัญ
ถ้ารอดระยะสั้นนี้ไปไม่ได้...ก็ไม่มีหวังที่จะมีชีวิตรอดไปทำแผนระยะยาว
สำคัญที่สุดเมื่อเจอวิกฤตแบบนี้ ทุกคนต้องมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และต้องเต็มใจช่วยเหลืองานโดยไม่เกี่ยงงอน
...
มีข้อสังเกตว่า ลักษณะพิเศษของการวางแผนจาก War Room นั้น จำเป็นจะต้องคิดเผื่อไว้หลายๆ Scenario
แม้ว่า เราอาจจะคิดได้ไม่ครบทุก Scenario ที่อาจจะเกิดขึ้น...แต่อย่างน้อย เราควรจะมีแผนหลักๆ ไว้รับมือ Scenario ที่เราคาดว่าจะต้องเจอแน่ๆ ให้ได้เสียก่อน
อีกข้อสังเกตหนึ่งที่ต้องกำหนดให้ชัดๆ ก็คือ ผู้ตัดสินใจต้องมีแค่ "คนเดียว"...ไม่งั้นแล้ว ผู้ปฏิบัติคงปวดหัวจนไม่เป็นอันทำงาน
...
สรุปแล้ว แผนงานจาก War Room จึงน่าจะประกอบไปด้วย 4 คุณลักษณะนี้ครับ
คิดรอบ...ฉับไว...ร่วมใจ...เด็ดขาด
...ขอเอาใจช่วยทุกทีมที่เจอปัญหาครับ...
Comments
Post a Comment