Skip to main content

Post#3-306: ด้วยสมองและสองมือ

Post#3-306:
ช่วงนี้ผมกำลังทำ Organization Restructuring จึงทำให้ชีวิตวุ่นวายกว่าเดิมมากพอดู

เรียกว่า ต้องดูแลให้งานประจำในแต่ละวันเดินไปได้ พร้อมๆ กับต้องวางแนวทางใหม่ไปด้วยพร้อมๆ กัน

ถ้านึกไม่ออกว่าวุ่นวายยังไง ก็ลองนึกภาพของการที่เราต้องอยู่ในบ้านที่มีการซ่อมแซมขนานใหญ่ดูเถอะครับ

นอกจากทำการ restructure บริษัทหนึ่งแล้ว...ผมยังต้อง set up อีกบริษัทหนึ่งไปพร้อมๆ กันอีกด้วย

ทั้ง 2 งาน ต่างก็รอไม่ได้, ผมจึงต้องเหนื่อยหนักหน่อย...ว่าแล้ว ผมก็อยากจะแปลงร่างเป็นทศกัณฑ์เสียเหลือเกิน...จะได้มี 10 หน้า 20 แขน มาทำงานให้เสร็จไวๆ

...

แต่ไม่ว่าจะเป็นการรื้อบ้านเพื่อทำใหม่ หรือไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้านใหม่...ทั้ง 2 แบบ ต่างจำเป็นที่จะต้องเริ่มต้นด้วยการร่างแบบให้ชัดเจนเสียก่อน

ปราศจากแบบร่างแล้ว...ถามว่า จะรื้อตรงไหน แล้วจัดตรงไหน? หรือจะสร้างบ้านขึ้นใหม่ให้เป็นแบบไหนกัน?

ลองถามช่างดูก็ได้ครับ...ว่าการรื้อบ้านไปเขียนแบบไป หรือสร้างบ้านไปเขียนแบบไปน่ะ มันเป็นผลงานที่ทุลักทุเลและเละเทะยังไงบ้าง?

...

ดังนั้น ไม่ว่าผมจะเริ่มทำงานไหน หรือทำงานให้ใครก็แล้วแต่...ผมจะเริ่มต้นด้วยการสร้าง Corporate Roadmap เป็นเรื่องแรก เสมอ

เพราะหากเราไม่รู้ปลายทางที่ชัดเจน...เราจะไม่มีวันเริ่มต้นได้ถูกต้องเป็นอันขาด

ไม่ว่าเราจะเก่งแค่ไหน...ปราศจากแผนงานแล้ว เราก็เป็นได้แค่พวกใช้แต่กำลังโดยปราศจากการใช้สมอง

...

ลองนึกภาพว่าเราเป็นนักว่ายน้ำที่มีสมรรถนะทางกายยอดเยี่ยม ในระดับที่หาใครเทียมได้ยาก

แต่เมื่อเราถีบตัวจากจุดสตาร์ทที่ขอบสระ...ว่าแล้วก็จ้วงเอาจ้วงเอาอย่างแข็งขันขยันยิ่ง แต่ดันว่ายเป็นวงกลม วนมันอยู่อย่างนั้น...ถามว่าจะมีโอกาสว่ายไปแตะขอบสระที่เป็นเส้นชัยได้ยังไง?

กลับกันที่แม้คู่แข่งของเรา จะมีความสามารถทางกายน้อยกว่า แต่เค้ามองเห็นชัดว่า จะต้องว่ายไปทางไหน...แม้จะว่ายน้ำได้ช้ากว่า แต่รับรองได้ว่าจะเข้าเส้นชัยก่อนเราที่เอาแต่จ้วงเอาๆ โดยไม่ลืมหูลืมตาได้ แน่ๆ

...

หากอยากให้งานมีโอกาสสำเร็จ...นอกจากเราจะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่แล้ว

เราจึงจำต้องกลั่นความคิดออกมาเป็นแผนงาน เพื่อเป็น "หางเสือ" ให้เราเดินตรงแนวด้วย

...เมื่อมีครบทั้ง "สมองและสองมือ" เราจะทำงานอะไรก็ได้ สร้างอะไรก็ได้ และจะมีโอกาสสำเร็จมากขึ้นด้วย...ผมเชื่ออย่างนั้นล่ะครับ...

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...