Post#3-309:
เช้านี้ผมเริ่มต้นวันด้วย Seminar กับ Vendor รายหนึ่งที่ Hong Kong เกี่ยวกับทิศทางและแผนการตลาดของพวกเค้า
ต้องบอกว่า มันเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่เราจำเป็นต้องเข้าใจว่า Vendor ของเรากำลังคิดอะไร และกำลังจะทำอะไรบ้าง?
เพราะเมื่อเราเข้าใจ Vendor...ก็จะทำให้เราสามารถวางแผนงานให้สอดคล้องกับเค้าได้ และนั่นหมายถึง Work Efficency ที่จะเกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกัน (หรือที่เราเรียกว่า Synergy นั่นเองครับ)
...
Vendor เอง ก็ทราบครับ ว่าเรื่องความสอดคล้องและความร่วมมือในการทำงานกับ Buyer นั้น สำคัญขนาดไหน...ไม่งั้นคงไม่ใช้งบประมาณก้อนไม่เล็ก เพื่อจัด Seminar ในลักษณะนี้ขึ้นมา
กว่า 5 ชั่วโมง ที่ผมนั่งฟังทีม Vendor เล่าให้ฟังถึงวิธีคิดและแนวทางที่จะไปต่อ...สมองผมก็คิดตามไปด้วย ว่าจะปรับแผนของตัวเองยังไง
ถ้าเรารู้จักใช้พลังของพันธมิตรให้เป็นประโยชน์...ก็จะเหมือนฝูงนกที่บินเป็นฝูง ที่ทำให้บินได้ดีขึ้น พร้อมๆ กับใช้พลังน้อยลง
...
ในชีวิตจริง เราก็สามารถสร้าง Synergy ได้กับหลายๆ เรื่องครับ
ขี่จักรยานเกาะๆ กันไปก็ใช่, ยิ่งขี่ Big Bike เป็นกลุ่มก็ยิ่งชัดเจน, หรือจะเป็นการกินโต๊ะแชร์, รวมเงินกันไปเที่ยวต่างจังหวัด และอีกมากมายที่สาธยายไม่หมดครับ
ผมตั้งข้อสังเกตว่า Synergy จะเกิดขึ้นได้ง่ายมาก...หากว่ากลุ่มคนที่จะ Synergy กันนั้น มีผลประโยชน์ร่วมกัน
ซึ่งนั่นย่อมไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใดครับ...แต่จะเป็นเรื่องผิดแน่ๆ หากรวมพลังกันไปทำเรื่องที่ไม่ดี
...
หากเราสร้าง Synergy ในชีวิตประจำวันได้มากมาย เราก็น่าจะนำมาใช้กับงานได้ง่ายๆ เช่นกัน...
ก็แค่ทลาย Cylo ที่เป็นเขตแดนของตัวเอง เลิกถามว่า งานนี้เป็นของใคร? แต่หันมาถามว่า งานนี้ทำแล้ว องค์กรได้อะไร?
จะสร้างองค์กรให้ก้าวหน้าได้ เราจำเป็นต้องเห็นแก่ภาพใหญ่ก่อนจะเห็นแก่ภาพเล็กๆ...อย่ามัวไปคิดว่า ทำแล้วไม่เห็นได้อะไรเลยครับ ทุกสิ่งทุกอย่าง เราต้อง Give ก่อน Take
เพราะเมื่อองค์กรเติบโต เราจะเติบโตไปด้วยแน่ๆ หากว่าเราเป็นคนสร้างความเติบโตนั้นจริงๆ
แล้วถ้าโชคร้าย...องค์กรไม่เห็นความดีของเราล่ะ?
...อย่าคิดมากไปครับ เพราะมั่นใจได้เลยว่า สิ่งที่เราทุ่มเททำ แม้ไม่มีใครเห็นค่า...แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เราเติบโต และมีทางไปต่อโดยไม่ต้องง้อใคร...
Comments
Post a Comment