Post#3-307:
เมื่อคืนนี้ ผมอยู่ช่วยงานเพื่อนอยู่ที่กรุงย่างกุ้ง...เมืองที่ผมไปมาหาสู่บ่อยเสียจนขี้เกียจจะนับครั้งแล้ว ^^
ไม่รู้สิครับ...ผมมีความรู้สึกว่า ชาวย่างกุ้ง กำลังอยู่ในช่วงปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านการเมือง, เศรษฐกิจ และวิถีการใช้ชีวิต ที่เริ่มจะแตกต่างไปจากเดิม
จากสภาพที่ล้าหลังกว่าไทยประมาณ 20-30 ปี เมื่อไม่กี่ปีมานี้...เมียนมาร์ โดยเฉพาะกรุงย่างกุ้ง น่าจะพร้อมสำหรับการจะเติบโตแบบ Leap Forward หรือที่เรียกว่า เติบโตแบบก้าวกระโดด ได้ไม่ยาก
แต่ทว่า...
พักไว้ตรงนี้ก่อนนะครับ, ขอวกไปคุยเรื่องความพร้อมบางส่วนของชาวย่างกุ้งต่อ Leap Forward สักหน่อย
...
ผลพวงของ Leap Forward นั้น ส่วนใหญ่มาจาก Globalization แทบทั้งสิ้น
โลกเราเล็กลง...ใช้ชีวิตตามติดกันได้มากขึ้น ก็เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (เราน่าจะคุ้นกับคำว่า Information Technology มากกว่าครับ) นั่นเอง
ตามการคาดคะเนของผมแล้ว...กลุ่ม Middle-to-High ชาวย่างกุ้ง นั้น มี Profile และ Life Style ที่เหนือกว่าระดับค่าเฉลี่ยของชาวกรุงเทพฯ ด้วยซ้ำไป
ทั้งในด้านภาษา, รสนิยม และวิธีคิด ของกลุ่มที่จะเป็นกำลังหลักของเมียนมาร์นี้ ต่างได้รับการบ่มเพาะจากชาติตะวันตกที่พวกเค้าไปเรียนรู้และใช้ชีวิตในช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลง ทั้งสิ้น
กลุ่มคนรุ่นใหม่บ้านเรา ถ้ายังไม่รับรู้ถึงศักยภาพของเพื่อนบ้านกลุ่มนี้...อีกไม่กี่ปี เราอาจจะกลายเป็นประเทศมี่ล้าหลังที่สุดใน AEC
เมื่อวันนั้นมาถึง...เราคงหัวเราะไม่ออก ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ...แค่นั้น
...
กลับมาต่อที่ "แต่ทว่า..." กันครับ
แต่ทว่า...เมียนมาร์ยังขาดปัจจัยพื้นฐานอีกมากโข โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเรื่องสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ทั้งเรื่องไฟฟ้า, ประปา, สาธารณสุข, ถนนหนทาง และอื่นๆ
...ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลมาจากการขาดการวางแผนแม่บทในระดับชาติ...ทั้งจากรัฐบาลทหาร และจากรัฐบาลประชาธิปไตย ที่พึ่งจะเข้ามารับช่วงต่อ
ดังนั้น แม้กรุงย่างกุ้ง น่าจะพร้อมสำหรับ Leap Forward แต่มาติดขัดอยู่ที่แสนยานุภาพของยุปโธปกรณ์นั้น ยังล่าช้ากว่าแสนยานุภาพทางปัญญาของชาวย่างกุ้ง...อย่างที่ผมร่ายมา
อีกข้อที่อาจทำให้เมียนมาร์ไปได้ไม่เร็วนัก ก็คือกลุ่มคนระดับรากหญ้านั้น ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง...ข้อนี้ อาจต้องใช้เวลาพอสมควร
...
คุยถึงตรงนี้ ก็ต้องบอกว่า ประเทศสารขัณฑ์นั้น โดยศักยภาพ น่าจะพัฒนาไปข้างหน้าได้ดีกว่า CLMV ทุกประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นขนาดเศรษฐกิจ, ประวัติศาสตร์, ทรัพยากรธรรมชาติ รวมไปถึงตำแหน่งที่ตั้งที่ควรค่าแก่การเป็นเมืองหลวงของ SEA ได้ไม่ยาก
แต่ครั้งโบราณมา ประเทศนี้จะแพ้พ่ายได้ ล้วนเกิดจากภายในเกิดแตกความสามัคคี...มัวแต่ทะเลาะกันเอง
...ผ่านมาเกือบจะพันปี...ผู้คนที่ครองอำนาจในประเทศนี้ ก็ไม่เคยคิดจะเรียนรู้...ถ้าผมจะไม่พูดว่า "น่าสมเพช" ก็ไม่รู้จะใช้คำไหน?...
เมื่อคืนนี้ ผมอยู่ช่วยงานเพื่อนอยู่ที่กรุงย่างกุ้ง...เมืองที่ผมไปมาหาสู่บ่อยเสียจนขี้เกียจจะนับครั้งแล้ว ^^
ไม่รู้สิครับ...ผมมีความรู้สึกว่า ชาวย่างกุ้ง กำลังอยู่ในช่วงปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านการเมือง, เศรษฐกิจ และวิถีการใช้ชีวิต ที่เริ่มจะแตกต่างไปจากเดิม
จากสภาพที่ล้าหลังกว่าไทยประมาณ 20-30 ปี เมื่อไม่กี่ปีมานี้...เมียนมาร์ โดยเฉพาะกรุงย่างกุ้ง น่าจะพร้อมสำหรับการจะเติบโตแบบ Leap Forward หรือที่เรียกว่า เติบโตแบบก้าวกระโดด ได้ไม่ยาก
แต่ทว่า...
พักไว้ตรงนี้ก่อนนะครับ, ขอวกไปคุยเรื่องความพร้อมบางส่วนของชาวย่างกุ้งต่อ Leap Forward สักหน่อย
...
ผลพวงของ Leap Forward นั้น ส่วนใหญ่มาจาก Globalization แทบทั้งสิ้น
โลกเราเล็กลง...ใช้ชีวิตตามติดกันได้มากขึ้น ก็เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (เราน่าจะคุ้นกับคำว่า Information Technology มากกว่าครับ) นั่นเอง
ตามการคาดคะเนของผมแล้ว...กลุ่ม Middle-to-High ชาวย่างกุ้ง นั้น มี Profile และ Life Style ที่เหนือกว่าระดับค่าเฉลี่ยของชาวกรุงเทพฯ ด้วยซ้ำไป
ทั้งในด้านภาษา, รสนิยม และวิธีคิด ของกลุ่มที่จะเป็นกำลังหลักของเมียนมาร์นี้ ต่างได้รับการบ่มเพาะจากชาติตะวันตกที่พวกเค้าไปเรียนรู้และใช้ชีวิตในช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลง ทั้งสิ้น
กลุ่มคนรุ่นใหม่บ้านเรา ถ้ายังไม่รับรู้ถึงศักยภาพของเพื่อนบ้านกลุ่มนี้...อีกไม่กี่ปี เราอาจจะกลายเป็นประเทศมี่ล้าหลังที่สุดใน AEC
เมื่อวันนั้นมาถึง...เราคงหัวเราะไม่ออก ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ...แค่นั้น
...
กลับมาต่อที่ "แต่ทว่า..." กันครับ
แต่ทว่า...เมียนมาร์ยังขาดปัจจัยพื้นฐานอีกมากโข โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเรื่องสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ทั้งเรื่องไฟฟ้า, ประปา, สาธารณสุข, ถนนหนทาง และอื่นๆ
...ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลมาจากการขาดการวางแผนแม่บทในระดับชาติ...ทั้งจากรัฐบาลทหาร และจากรัฐบาลประชาธิปไตย ที่พึ่งจะเข้ามารับช่วงต่อ
ดังนั้น แม้กรุงย่างกุ้ง น่าจะพร้อมสำหรับ Leap Forward แต่มาติดขัดอยู่ที่แสนยานุภาพของยุปโธปกรณ์นั้น ยังล่าช้ากว่าแสนยานุภาพทางปัญญาของชาวย่างกุ้ง...อย่างที่ผมร่ายมา
อีกข้อที่อาจทำให้เมียนมาร์ไปได้ไม่เร็วนัก ก็คือกลุ่มคนระดับรากหญ้านั้น ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง...ข้อนี้ อาจต้องใช้เวลาพอสมควร
...
คุยถึงตรงนี้ ก็ต้องบอกว่า ประเทศสารขัณฑ์นั้น โดยศักยภาพ น่าจะพัฒนาไปข้างหน้าได้ดีกว่า CLMV ทุกประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นขนาดเศรษฐกิจ, ประวัติศาสตร์, ทรัพยากรธรรมชาติ รวมไปถึงตำแหน่งที่ตั้งที่ควรค่าแก่การเป็นเมืองหลวงของ SEA ได้ไม่ยาก
แต่ครั้งโบราณมา ประเทศนี้จะแพ้พ่ายได้ ล้วนเกิดจากภายในเกิดแตกความสามัคคี...มัวแต่ทะเลาะกันเอง
...ผ่านมาเกือบจะพันปี...ผู้คนที่ครองอำนาจในประเทศนี้ ก็ไม่เคยคิดจะเรียนรู้...ถ้าผมจะไม่พูดว่า "น่าสมเพช" ก็ไม่รู้จะใช้คำไหน?...
Comments
Post a Comment