Post#3-315:
หนึ่งในประเด็นที่ทำให้คน 2 กลุ่ม (หรือมากกว่า) มีอันต้องทะเลาะเบาะแว้งกันไม่รู้จักจบจักสิ้น ก็คือประเด็นที่ว่าด้วย "ใครคือคนถูก"
ที่น่าเศร้าก็คือ ส่วนใหญ่มัวแต่เถียงกันว่า ใครเป็นคนถูก และใครเป็นคนผิด ก่อนที่จะลงมือแก้ปัญหาให้ลุล่วงเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้น เราจึงมักเห็นผู้คนถกเถียงกันหน้าห้องแถวที่ไฟไหม้ มากกว่าที่จะเห็นผู้คนร่วมใจกันดับไฟที่กำลังโหมลุกไหม้ห้องแถวเหล่านั้น
...
เมื่อใดก็ตามที่เราตั้งประเด็นถกเถียงหรืออภิปรายว่า "ใครเป็นคนถูก"...เมิ่อนั้น เรากำลังเริ่มถกกันถึง "เขตแดน" ของตัวเราเอง
เราจะมองว่า "เหตุผล" ของอีกฝ่ายก็คือ "ข้ออ้าง" ในขณะเดียวกับที่อีกฝ่ายก็จะมองว่า "เหตุผล" ของเรา มันก็เป็นแค่ "ข้ออ้าง" ในมุมมองของเค้า เช่นกัน
เมื่อต่างฝ่ายต่างยึด "ความจริงจากด้านที่ตัวเองมอง" เป็นสำคัญ...มันจึงเป็นการประกาศว่า เราจะยืนอยู่บนคนละข้างของข้อเท็จจริง
และเมื่อมองจากคนละด้าน, คนละมุม และคนละข้อมูล...เมื่อไหร่หนอ ที่แต่ละข้างจะคุยกันเข้าใจ?
...
ดังนั้น ก่อนที่จะสรุปให้ได้ว่า "ใครถูก" และ "ใครผิด" จึงจำต้องหาให้ได้ก่อนว่า "อะไรคือสิ่งที่ถูก"
การหาว่า "อะไร" เป็นเรื่องที่ถูกต้อง หรือเรื่องที่ควรทำ...จึงเป็นการเอาเรื่องศักดิ์ศรีออกไปจากการถกเถียงเสียก่อน
เมื่อหันมามองหา ว่า "อะไร" คือเรื่องที่ควรทำ...แม้ว่าในท้ายที่สุดจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เป็นฝ่ายถูก และมีอีกฝ่ายหนึ่งที่เป็นฝ่ายผิด...
แต่ก่อนหน้านั้น ทั้งสองฝ่ายน่ะ ได้กลายเป็นฝ่ายชนะไปแล้วทั้งคู่!
...
นั่นเพราะก่อนจะมัวแต่หาว่าใครถูกใครผิด...ทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งไปที่ประเด็นของปัญหา และรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำเพื่อแก้ปัญหานั้น
เมื่อมองปัญหาโดยละศักดิ์ศรี...มันจึงเป็นการมอง "ความจริงจากด้านที่ส่วนรวมมองเห็น" ไม่ใช่การมอง "ความจริงจากด้านที่ตัวเองมองเห็น"
มันจึงเป็นมุมมองที่มีความเป็นกลางมากขึ้น...และทุกฝ่ายย่อมจะรู้ในที่สุดว่า "ใครถูก" และ "ใครผิด"
...
เมื่อรู้ว่า "ใครถูก" และ "ใครผิด" แล้ว...เรื่องที่ควรทำต่อไปก็คือ
ฝ่ายถูก...ขอจงให้อภัยและให้โอกาสฝ่ายที่ผิดพลาดได้มีโอกาสแก้ไขข้อผิดพลาดนั้น
และฝ่ายถูกก็จงอย่าคิดว่า ในภายภาคหน้า ตัวเองจะเป็นฝ่ายถูกเสมอไป
ฝ่ายผิด...ขอจงรู้จักยอมรับ, ขอโทษ และจงเร่งลงมือแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นเสีย
และขอให้จงเรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั้น ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดแบบเดิมซ้ำอีก
...
ก่อนจากฝากไว้ด้วยวาทะของ Ezra T. Benson (อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ของประเทศสหรัฐอเมริกา) ที่ว่าไว้ว่า
"Pride is concerned with who is right. Humility is concerned with what is right."
แปลว่า "ความทะนงตนนั้น ว่าด้วยเรื่องของ ใครเป็นคนถูก ส่วนความอ่อนน้อมนั้น ว่าด้วยเรื่องของ อะไรคือเรื่องที่ถูก"
...
ผมเห็นด้วยและอยากจะเสริมต่อว่า
การทะนงตนนั้น ต่างจากการเชื่อมั่น และการอ่อนน้อมนั้น ต่างจากการเป็นพวกอ่อนแอ
ดังนั้น เราจึงต้องวิพากย์เหตุการณ์ด้วยการยึดมั่นในตรรกะและข้อเท็จจริง ในขณะเดียวกันก็จงยืดหยุ่นในการเจรจา
หากให้ผมสรุป...ก็จะประมาณนี้ครับ...
"We should be humbly proud of ourselves, yet be proudly humble as well.
...แปลว่า "เราควรหยิ่งทะนงอย่างนอบน้อม และในขณะเดียวกันก็ควรอ่อนน้อมแบบมีเกียรติ" ครับ...
หนึ่งในประเด็นที่ทำให้คน 2 กลุ่ม (หรือมากกว่า) มีอันต้องทะเลาะเบาะแว้งกันไม่รู้จักจบจักสิ้น ก็คือประเด็นที่ว่าด้วย "ใครคือคนถูก"
ที่น่าเศร้าก็คือ ส่วนใหญ่มัวแต่เถียงกันว่า ใครเป็นคนถูก และใครเป็นคนผิด ก่อนที่จะลงมือแก้ปัญหาให้ลุล่วงเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้น เราจึงมักเห็นผู้คนถกเถียงกันหน้าห้องแถวที่ไฟไหม้ มากกว่าที่จะเห็นผู้คนร่วมใจกันดับไฟที่กำลังโหมลุกไหม้ห้องแถวเหล่านั้น
...
เมื่อใดก็ตามที่เราตั้งประเด็นถกเถียงหรืออภิปรายว่า "ใครเป็นคนถูก"...เมิ่อนั้น เรากำลังเริ่มถกกันถึง "เขตแดน" ของตัวเราเอง
เราจะมองว่า "เหตุผล" ของอีกฝ่ายก็คือ "ข้ออ้าง" ในขณะเดียวกับที่อีกฝ่ายก็จะมองว่า "เหตุผล" ของเรา มันก็เป็นแค่ "ข้ออ้าง" ในมุมมองของเค้า เช่นกัน
เมื่อต่างฝ่ายต่างยึด "ความจริงจากด้านที่ตัวเองมอง" เป็นสำคัญ...มันจึงเป็นการประกาศว่า เราจะยืนอยู่บนคนละข้างของข้อเท็จจริง
และเมื่อมองจากคนละด้าน, คนละมุม และคนละข้อมูล...เมื่อไหร่หนอ ที่แต่ละข้างจะคุยกันเข้าใจ?
...
ดังนั้น ก่อนที่จะสรุปให้ได้ว่า "ใครถูก" และ "ใครผิด" จึงจำต้องหาให้ได้ก่อนว่า "อะไรคือสิ่งที่ถูก"
การหาว่า "อะไร" เป็นเรื่องที่ถูกต้อง หรือเรื่องที่ควรทำ...จึงเป็นการเอาเรื่องศักดิ์ศรีออกไปจากการถกเถียงเสียก่อน
เมื่อหันมามองหา ว่า "อะไร" คือเรื่องที่ควรทำ...แม้ว่าในท้ายที่สุดจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เป็นฝ่ายถูก และมีอีกฝ่ายหนึ่งที่เป็นฝ่ายผิด...
แต่ก่อนหน้านั้น ทั้งสองฝ่ายน่ะ ได้กลายเป็นฝ่ายชนะไปแล้วทั้งคู่!
...
นั่นเพราะก่อนจะมัวแต่หาว่าใครถูกใครผิด...ทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งไปที่ประเด็นของปัญหา และรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำเพื่อแก้ปัญหานั้น
เมื่อมองปัญหาโดยละศักดิ์ศรี...มันจึงเป็นการมอง "ความจริงจากด้านที่ส่วนรวมมองเห็น" ไม่ใช่การมอง "ความจริงจากด้านที่ตัวเองมองเห็น"
มันจึงเป็นมุมมองที่มีความเป็นกลางมากขึ้น...และทุกฝ่ายย่อมจะรู้ในที่สุดว่า "ใครถูก" และ "ใครผิด"
...
เมื่อรู้ว่า "ใครถูก" และ "ใครผิด" แล้ว...เรื่องที่ควรทำต่อไปก็คือ
ฝ่ายถูก...ขอจงให้อภัยและให้โอกาสฝ่ายที่ผิดพลาดได้มีโอกาสแก้ไขข้อผิดพลาดนั้น
และฝ่ายถูกก็จงอย่าคิดว่า ในภายภาคหน้า ตัวเองจะเป็นฝ่ายถูกเสมอไป
ฝ่ายผิด...ขอจงรู้จักยอมรับ, ขอโทษ และจงเร่งลงมือแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นเสีย
และขอให้จงเรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั้น ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดแบบเดิมซ้ำอีก
...
ก่อนจากฝากไว้ด้วยวาทะของ Ezra T. Benson (อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ของประเทศสหรัฐอเมริกา) ที่ว่าไว้ว่า
"Pride is concerned with who is right. Humility is concerned with what is right."
แปลว่า "ความทะนงตนนั้น ว่าด้วยเรื่องของ ใครเป็นคนถูก ส่วนความอ่อนน้อมนั้น ว่าด้วยเรื่องของ อะไรคือเรื่องที่ถูก"
...
ผมเห็นด้วยและอยากจะเสริมต่อว่า
การทะนงตนนั้น ต่างจากการเชื่อมั่น และการอ่อนน้อมนั้น ต่างจากการเป็นพวกอ่อนแอ
ดังนั้น เราจึงต้องวิพากย์เหตุการณ์ด้วยการยึดมั่นในตรรกะและข้อเท็จจริง ในขณะเดียวกันก็จงยืดหยุ่นในการเจรจา
หากให้ผมสรุป...ก็จะประมาณนี้ครับ...
"We should be humbly proud of ourselves, yet be proudly humble as well.
...แปลว่า "เราควรหยิ่งทะนงอย่างนอบน้อม และในขณะเดียวกันก็ควรอ่อนน้อมแบบมีเกียรติ" ครับ...
Comments
Post a Comment