Post#3-311:
ใครที่มีลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชา...เคยเจอเหตุการณ์ที่พวกเค้าออกอาการแหยๆ ไม่กล้าคุยกับลูกค้าหรือคู่ค้าบ้างมั๊ยครับ?
เป็นต้นว่า เวลาที่เราบอกหรือแนะให้คุยกับลูกค้าแบบนั้นหรืออย่างนี้ หรือให้ต่อรองกับคู่ค้าแบบนี้นะหรือแบบนั้นสิ แล้วลูกน้องก็จะอึกๆ อักๆ ซึ่งดูอาการก็รู้เลยว่า ไม่เต็มใจจะทำอย่างที่เราสั่ง
เคยตั้งข้อสงสัยมั๊ยครับ...ว่าทำไม ลูกน้องจึงมีปฏิกิริยาแบบนั้น?
...
ไม่ทราบว่าที่ผมคิด จะตรงกับคนอื่นหรือไม่...แต่ผมพอจะประมวลจากประสบการณ์ที่เจอมากับตัว ได้เป็น 4 ประเด็น
ประเด็นแรก...อาจเพราะคำสั่งของเราขัดกับความเชื่อของลูกน้อง, ไม่ก็ลูกน้องอาจจะรู้สึกว่าคำสั่งของเราขัดต่อความถูกต้อง
ประเด็นที่สอง...อาจเพราะลูกน้องรู้สึกละอายหรือกลัวที่จะคุย ด้วยเกรงจะถูกหัวเราะเยาะ/ดูถูก/ต่อว่า
ประเด็นที่สาม...อาจเพราะมีประเด็นซ่อนเร้นอะไรบางอย่าง เช่น ไปรับปากกับลูกค้าหรือคู่ค้าอื่นไว้ก่อนแล้ว, หรือก่อนหน้านี้ทะเลาะกับลูกค้าหรือคู่ค้าจนยากจะเสียหน้าไปคุยใหม่, ฯลฯ
ประเด็นที่สี่...อาจเพราะลูกน้องไม่เข้าใจคำสั่งของเราดีพอ, จับต้นชนปลายไม่ถูก และโดยมากไม่กล้าพอที่จะถามเราว่า ทำไมต้องคุยแบบนั้น หรือทำไมต้องต่อรองแบบนี้
...
เมื่อเจอปฏิกิริยาของลูกน้องอย่างที่ว่า...ผมแนะนำว่าอย่าไปบังคับให้เค้าต้องทำเลยครับ เพราะผลลัพธ์จะออกมาเป็นตรงกันข้าม
ทางที่ดี...เราควรหาวิธีอื่น เช่น มอบหมายลูกน้องคนอื่นไปทำ, หรือไม่ก็คุยเสียเองเลยครับ
หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไปแล้ว จึงค่อยไปหาสาเหตุว่า ลูกน้องเกิดอาการต่อต้านคำสั่งของเรา เพราะเหตุใดกันแน่
...การบีบให้พวกเค้าเจรจากับใครด้วยความไม่เชื่อมั่น ก็ไม่ต่างอะไรจากการขว้างงูไม่พ้นคอนั่นเองล่ะครับ...
ใครที่มีลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชา...เคยเจอเหตุการณ์ที่พวกเค้าออกอาการแหยๆ ไม่กล้าคุยกับลูกค้าหรือคู่ค้าบ้างมั๊ยครับ?
เป็นต้นว่า เวลาที่เราบอกหรือแนะให้คุยกับลูกค้าแบบนั้นหรืออย่างนี้ หรือให้ต่อรองกับคู่ค้าแบบนี้นะหรือแบบนั้นสิ แล้วลูกน้องก็จะอึกๆ อักๆ ซึ่งดูอาการก็รู้เลยว่า ไม่เต็มใจจะทำอย่างที่เราสั่ง
เคยตั้งข้อสงสัยมั๊ยครับ...ว่าทำไม ลูกน้องจึงมีปฏิกิริยาแบบนั้น?
...
ไม่ทราบว่าที่ผมคิด จะตรงกับคนอื่นหรือไม่...แต่ผมพอจะประมวลจากประสบการณ์ที่เจอมากับตัว ได้เป็น 4 ประเด็น
ประเด็นแรก...อาจเพราะคำสั่งของเราขัดกับความเชื่อของลูกน้อง, ไม่ก็ลูกน้องอาจจะรู้สึกว่าคำสั่งของเราขัดต่อความถูกต้อง
ประเด็นที่สอง...อาจเพราะลูกน้องรู้สึกละอายหรือกลัวที่จะคุย ด้วยเกรงจะถูกหัวเราะเยาะ/ดูถูก/ต่อว่า
ประเด็นที่สาม...อาจเพราะมีประเด็นซ่อนเร้นอะไรบางอย่าง เช่น ไปรับปากกับลูกค้าหรือคู่ค้าอื่นไว้ก่อนแล้ว, หรือก่อนหน้านี้ทะเลาะกับลูกค้าหรือคู่ค้าจนยากจะเสียหน้าไปคุยใหม่, ฯลฯ
ประเด็นที่สี่...อาจเพราะลูกน้องไม่เข้าใจคำสั่งของเราดีพอ, จับต้นชนปลายไม่ถูก และโดยมากไม่กล้าพอที่จะถามเราว่า ทำไมต้องคุยแบบนั้น หรือทำไมต้องต่อรองแบบนี้
...
เมื่อเจอปฏิกิริยาของลูกน้องอย่างที่ว่า...ผมแนะนำว่าอย่าไปบังคับให้เค้าต้องทำเลยครับ เพราะผลลัพธ์จะออกมาเป็นตรงกันข้าม
ทางที่ดี...เราควรหาวิธีอื่น เช่น มอบหมายลูกน้องคนอื่นไปทำ, หรือไม่ก็คุยเสียเองเลยครับ
หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไปแล้ว จึงค่อยไปหาสาเหตุว่า ลูกน้องเกิดอาการต่อต้านคำสั่งของเรา เพราะเหตุใดกันแน่
...การบีบให้พวกเค้าเจรจากับใครด้วยความไม่เชื่อมั่น ก็ไม่ต่างอะไรจากการขว้างงูไม่พ้นคอนั่นเองล่ะครับ...
Comments
Post a Comment