Post#3-310:
ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์แล้ว เราคงไม่อาจหลุดพ้นไปจากการต้องต่อสู้และดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดต่อไป ให้ได้
ทั้งนี้และทั้งนั้น ความหนักหนาสาหัสของการต้องต่อสู้และดิ้นรนที่ว่า ก็คงต้องไปดูถึงความจำเป็นส่วนตน หรือไม่ก็กิเลสและตัณหาของแต่ละปัจเจกบุคคล นั่นล่ะครับ
หากเรายังไม่เลือกตัดขาดทางโลกไปเสียก่อน ยังไงเสียเราก็ต้องต่อสู้เพื่อตอบสนองความจำเป็นและกิเลสของเราต่อไปเรื่อยๆครับ...จะมากบ้าง น้อยบ้าง ก็ว่ากันไป
...
และเมื่อพูดถึงการต่อสู้และดิ้นรน...ยังไงเสีย เราก็ต้องใช้พลังสารพัดรูปแบบ ทั้งภายในและภายนอก...เพื่อก้าวข้ามวันนี้ไปให้ได้
ไม่ใช้พลังกาย เราก็ต้องทุ่มพลังใจ...ไม่ใช้พลังสมอง ก็อาจต้องใช้กำลังทรัพย์...ไม่ถูกดึงด้วยพลังศรัทธา ก็อาจต้องโดนผลักดันด้วยพลังอื่นๆ
รวมความแล้ว...ไม่ว่าจะด้วยพลังอะไรก็แล้วแต่...ก็ล้วนเป็นสาเหตุและเหตุผลที่ทำให้เราไม่อาจหยุดการต่อสู้และดิ้นรนได้
...
ก็ในเมื่อต้องใช้พลังมากมายและหนักหนาแบบนี้...เคยรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากลืมตาตื่นในวันรุ่งขึ้นบ้างมั๊ยครับ?
บ่อยครั้งและบางหน...แม้จะรวมพลัง...ไม่ว่าจะภายในและภายนอกแล้วก็ตาม...เราก็ยังรู้สึกว่า อุปสรรคที่เรากำลังต้องฟันฝ่านั้น มันช่างใหญ่ยิ่งปานยอดเขาสูงชัน จนไม่รู้จะพิชิตมันได้ยังไง?
...จะยังไงเสีย เราก็มีทางเลือกแค่ 2 ทาง เท่านั้นล่ะครับ คือนั่งทอดอาลัยมองยอดเขาอยู่อย่างนั้น หรือจะเริ่มมองหาหนทางที่จะปีนป่าย
...
ไม่มีใครแม้แต่เราที่จะรู้...ว่าเมื่อปีนเขาไปแล้ว จะได้ขึ้นไปปักธงบนยอดเขา หรือว่าจะตกลงมาบาดเจ็บ
ดังนั้น เราจำเป็นต้องประเมินศักยภาพของตัวเองให้ดี ก่อนที่จะลงมือปีน...
และถ้าจำเป็นต้องพิชิตยอดเขานี้ให้ได้ แม้จะรู้ว่าแรงของตัวเองไม่พอก็ตาม...ก็จงต้องรู้จักมองหา "ตัวช่วย" ที่เหมาะสม
...
แยกออกมั๊ยครับ ว่านั่งทอดอาลัยอยู่หน้าขุนเขา กับนั่งประเมินหาหนทางที่จะพิชิตขุนเขานั้น เหมือนกันตรงที่ มีการรอคอย
แต่มันต่างกันมหาศาลที่ผลลัพธ์...
แบบแรก...รอคอยความหวังลมๆ แล้งๆ ไม่ก็แค่รอเวลาที่ตัวเองหมดลมหายใจหน้าอุปสรรค
แต่แบบหลัง...รอด้วยการรู้จักวางแผน และเต็มไปด้วยความหวังที่จะพิชิตขุนเขาให้ได้!
...
ใครที่กำลังท้อ...ลอง cheer up ตัวเอง ด้วยวาทะนี้ดูครับ
"You were given this life because you are strong enough to live it."
แปลตามสำนวนของผมว่า "เจ้าถูกกำหนดชะตาชีวิตเช่นนี้ เป็นเพราะเจ้าแข็งแกร่งมากพอที่จะเผชิญกับมัน"
...สูดลมหายใจลึกๆ ครับ แล้วบอกกับตัวเองว่า ตราบเท่าที่ยังมีแรงหายใจ เมินเสียเถอะที่เราจะยอมแพ้!...
ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์แล้ว เราคงไม่อาจหลุดพ้นไปจากการต้องต่อสู้และดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดต่อไป ให้ได้
ทั้งนี้และทั้งนั้น ความหนักหนาสาหัสของการต้องต่อสู้และดิ้นรนที่ว่า ก็คงต้องไปดูถึงความจำเป็นส่วนตน หรือไม่ก็กิเลสและตัณหาของแต่ละปัจเจกบุคคล นั่นล่ะครับ
หากเรายังไม่เลือกตัดขาดทางโลกไปเสียก่อน ยังไงเสียเราก็ต้องต่อสู้เพื่อตอบสนองความจำเป็นและกิเลสของเราต่อไปเรื่อยๆครับ...จะมากบ้าง น้อยบ้าง ก็ว่ากันไป
...
และเมื่อพูดถึงการต่อสู้และดิ้นรน...ยังไงเสีย เราก็ต้องใช้พลังสารพัดรูปแบบ ทั้งภายในและภายนอก...เพื่อก้าวข้ามวันนี้ไปให้ได้
ไม่ใช้พลังกาย เราก็ต้องทุ่มพลังใจ...ไม่ใช้พลังสมอง ก็อาจต้องใช้กำลังทรัพย์...ไม่ถูกดึงด้วยพลังศรัทธา ก็อาจต้องโดนผลักดันด้วยพลังอื่นๆ
รวมความแล้ว...ไม่ว่าจะด้วยพลังอะไรก็แล้วแต่...ก็ล้วนเป็นสาเหตุและเหตุผลที่ทำให้เราไม่อาจหยุดการต่อสู้และดิ้นรนได้
...
ก็ในเมื่อต้องใช้พลังมากมายและหนักหนาแบบนี้...เคยรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากลืมตาตื่นในวันรุ่งขึ้นบ้างมั๊ยครับ?
บ่อยครั้งและบางหน...แม้จะรวมพลัง...ไม่ว่าจะภายในและภายนอกแล้วก็ตาม...เราก็ยังรู้สึกว่า อุปสรรคที่เรากำลังต้องฟันฝ่านั้น มันช่างใหญ่ยิ่งปานยอดเขาสูงชัน จนไม่รู้จะพิชิตมันได้ยังไง?
...จะยังไงเสีย เราก็มีทางเลือกแค่ 2 ทาง เท่านั้นล่ะครับ คือนั่งทอดอาลัยมองยอดเขาอยู่อย่างนั้น หรือจะเริ่มมองหาหนทางที่จะปีนป่าย
...
ไม่มีใครแม้แต่เราที่จะรู้...ว่าเมื่อปีนเขาไปแล้ว จะได้ขึ้นไปปักธงบนยอดเขา หรือว่าจะตกลงมาบาดเจ็บ
ดังนั้น เราจำเป็นต้องประเมินศักยภาพของตัวเองให้ดี ก่อนที่จะลงมือปีน...
และถ้าจำเป็นต้องพิชิตยอดเขานี้ให้ได้ แม้จะรู้ว่าแรงของตัวเองไม่พอก็ตาม...ก็จงต้องรู้จักมองหา "ตัวช่วย" ที่เหมาะสม
...
แยกออกมั๊ยครับ ว่านั่งทอดอาลัยอยู่หน้าขุนเขา กับนั่งประเมินหาหนทางที่จะพิชิตขุนเขานั้น เหมือนกันตรงที่ มีการรอคอย
แต่มันต่างกันมหาศาลที่ผลลัพธ์...
แบบแรก...รอคอยความหวังลมๆ แล้งๆ ไม่ก็แค่รอเวลาที่ตัวเองหมดลมหายใจหน้าอุปสรรค
แต่แบบหลัง...รอด้วยการรู้จักวางแผน และเต็มไปด้วยความหวังที่จะพิชิตขุนเขาให้ได้!
...
ใครที่กำลังท้อ...ลอง cheer up ตัวเอง ด้วยวาทะนี้ดูครับ
"You were given this life because you are strong enough to live it."
แปลตามสำนวนของผมว่า "เจ้าถูกกำหนดชะตาชีวิตเช่นนี้ เป็นเพราะเจ้าแข็งแกร่งมากพอที่จะเผชิญกับมัน"
...สูดลมหายใจลึกๆ ครับ แล้วบอกกับตัวเองว่า ตราบเท่าที่ยังมีแรงหายใจ เมินเสียเถอะที่เราจะยอมแพ้!...
Comments
Post a Comment