Post#3-325:
บ่ายวันนี้ ผมนั่งประชุมอยู่กับเพื่อน 2 คน, คนหนึ่งเป็นชาวต่างชาติ (สมมติว่าชื่อ K นะครับ) ส่วนอีกคนก็เป็นพี่ S (ที่เคยเล่าถึงไว้ใน Post#283) ถึงเรื่อง project ที่เรากำลังร่วมกันทำ
พอหมดเรื่องธุรกิจ...เราก็เลยคุยกันเรื่องสัพเพเหระต่างๆ มากมายหลายเรื่อง ทั้งเรื่องคุยกันขำๆ ทั้งเรื่องปรัชญาชีวิต
หนึ่งในเรื่องที่ผมฟังแล้วก็ยิ้ม ก็คือ K บอกว่า เค้ารู้จักคนไม่น้อยกว่า 7 คน ที่บ้างานเหมือนผม...และทั้งหมดไม่มีใครอยู่เกินอายุ 55 เลยสักคน
...
ที่ผมฟังแล้วยิ้ม เพราะรู้ดีว่า K เป็นห่วงผมจริงๆ จึงพูดให้ผมได้คิด...พี่ S เองก็ฟังแบบยิ้มๆ เพราะรู้จักผมดีกว่า K
จะว่าผมทำงานหนักมั๊ย...สำหรับผมคิดว่า ผมทำงานมาก แต่ไม่ได้ทำงานหนัก นั่นจึงทำให้ผมรู้สึกว่า ยังไม่ถึง limit ขนาดว่า รับงานอีกไม่ไหว
เพราะแม้จะทำงานหลากหลายและมากมาย...ก็ใช่ว่าผมจะบ้างานจนไม่ได้พักผ่อนเสียเมื่อไหร่
ผมยังมีเวลาอยู่กับลูกและภรรยา, ผมยังมีเวลาไปทานข้าวกับพ่อ แล้วแถมยังมีเวลาอยู่กับตัวเองอีกด้วย
...
ยังไงก็ตาม...ผมก็ไม่ปฏิเสธว่า ผมทำงานเยอะกว่าคนส่วนใหญ่โดยค่าเฉลี่ย
หากแต่มันเป็นความสุขใจที่ได้ทำ...ไม่ได้รู้สึกว่าต้องฝืนใจทำหรือทนทำ
ผมแค่รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าเมื่อได้ทำงาน, รู้สึกมีความสุขเมื่อเห็นสิ่งที่คิดและฝัน ได้กลายเป็นรูปเป็นร่าง กลายเป็นผลงานที่จับต้องได้
...
ผมบอก K ว่า ผมตั้งใจจะเกษียณเร็วกว่าคนอื่น...ตอนนี้ผมจึงต้องขยันทำงานให้มากกว่าคนอื่น
ผมอยากมีชีวิตบั้นปลายที่สะดวกสบาย อยากกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงากับไม้เล็กๆ ได้พึ่งพิง
ดังนั้นผมจึงต้องเร่งเก็บเกี่ยวความรู้, ประสบการณ์ และปัจจัยอื่นๆ ในยามที่พลังกายและพลังสมองพร้อมมูล
...เพื่อที่เมื่อวันที่ผมวางแผนไว้มาถึง ผมจะได้แปลงร่างกลายเป็น "ไม้ใหญ่" ได้อย่างสง่าผ่าเผยและไม่มีอะไรต้องกังวล...
บ่ายวันนี้ ผมนั่งประชุมอยู่กับเพื่อน 2 คน, คนหนึ่งเป็นชาวต่างชาติ (สมมติว่าชื่อ K นะครับ) ส่วนอีกคนก็เป็นพี่ S (ที่เคยเล่าถึงไว้ใน Post#283) ถึงเรื่อง project ที่เรากำลังร่วมกันทำ
พอหมดเรื่องธุรกิจ...เราก็เลยคุยกันเรื่องสัพเพเหระต่างๆ มากมายหลายเรื่อง ทั้งเรื่องคุยกันขำๆ ทั้งเรื่องปรัชญาชีวิต
หนึ่งในเรื่องที่ผมฟังแล้วก็ยิ้ม ก็คือ K บอกว่า เค้ารู้จักคนไม่น้อยกว่า 7 คน ที่บ้างานเหมือนผม...และทั้งหมดไม่มีใครอยู่เกินอายุ 55 เลยสักคน
...
ที่ผมฟังแล้วยิ้ม เพราะรู้ดีว่า K เป็นห่วงผมจริงๆ จึงพูดให้ผมได้คิด...พี่ S เองก็ฟังแบบยิ้มๆ เพราะรู้จักผมดีกว่า K
จะว่าผมทำงานหนักมั๊ย...สำหรับผมคิดว่า ผมทำงานมาก แต่ไม่ได้ทำงานหนัก นั่นจึงทำให้ผมรู้สึกว่า ยังไม่ถึง limit ขนาดว่า รับงานอีกไม่ไหว
เพราะแม้จะทำงานหลากหลายและมากมาย...ก็ใช่ว่าผมจะบ้างานจนไม่ได้พักผ่อนเสียเมื่อไหร่
ผมยังมีเวลาอยู่กับลูกและภรรยา, ผมยังมีเวลาไปทานข้าวกับพ่อ แล้วแถมยังมีเวลาอยู่กับตัวเองอีกด้วย
...
ยังไงก็ตาม...ผมก็ไม่ปฏิเสธว่า ผมทำงานเยอะกว่าคนส่วนใหญ่โดยค่าเฉลี่ย
หากแต่มันเป็นความสุขใจที่ได้ทำ...ไม่ได้รู้สึกว่าต้องฝืนใจทำหรือทนทำ
ผมแค่รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าเมื่อได้ทำงาน, รู้สึกมีความสุขเมื่อเห็นสิ่งที่คิดและฝัน ได้กลายเป็นรูปเป็นร่าง กลายเป็นผลงานที่จับต้องได้
...
ผมบอก K ว่า ผมตั้งใจจะเกษียณเร็วกว่าคนอื่น...ตอนนี้ผมจึงต้องขยันทำงานให้มากกว่าคนอื่น
ผมอยากมีชีวิตบั้นปลายที่สะดวกสบาย อยากกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงากับไม้เล็กๆ ได้พึ่งพิง
ดังนั้นผมจึงต้องเร่งเก็บเกี่ยวความรู้, ประสบการณ์ และปัจจัยอื่นๆ ในยามที่พลังกายและพลังสมองพร้อมมูล
...เพื่อที่เมื่อวันที่ผมวางแผนไว้มาถึง ผมจะได้แปลงร่างกลายเป็น "ไม้ใหญ่" ได้อย่างสง่าผ่าเผยและไม่มีอะไรต้องกังวล...
Comments
Post a Comment