Post#3-300:
ไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง...อดีตลูกน้องคนหนึ่ง (สมมติว่าชื่อน้อง C นะครับ) โทรมาปรับทุกข์ด้วยเสียงสั่นเครือ...เพราะพึ่งถูกแฟนบอกเลิก
ผมไม่ได้ปลอบอะไรเลย...ฟังอย่างเดียวเท่านั้น เพราะประเมินแล้ว ว่าน้อง C ยังไม่พร้อมจะเลิกเศร้า
ผมไม่ได้ใจดำ...แต่ไม่ถนัดจะปลอบให้ใครหนีความจริง อีกทั้งผมก็ไม่ใช่ Love Guru ที่เชี่ยวชาญแบบศิราณี หรือดีเจคลื่นวิทยุ
...
หลายๆ ครั้ง ผมมักได้ยินหลายๆ คน ปลอบใจคนโดนทิ้ง ว่าให้ออกจากที่เดิมๆ ไปอยู่ที่ใหม่ๆ ไปเจอคนใหม่ๆ จะได้คลายเศร้าลงได้บ้าง
แม้ผมจะไม่เห็นด้วยเสียทีเดียว...แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ครับ ว่ามันก็ช่วยได้บ้างเล็กน้อย
ที่บอกว่าไม่เห็นด้วยเสียทีเดียว...เพราะผมมีความรู้สึกว่า มันออกจะเป็นการวิ่งหนีปัญหาไปสักหน่อย
...เพราะตราบใดที่ไม่แก้ที่หัวใจและสมองของเราเสียก่อน...ต่อให้หนีไปสุดหล้า ก็ไม่อาจจะคลายความเศร้าได้
ยังไงก็ตาม...การหลบไปจากที่เดิมๆ และคนเดิมๆ ก็อาจพอช่วยได้...หากว่าการหลบที่ว่านั้น เป็นการหลบไปทบทวนสติ ไม่ใช่หลบไปฟูมฟาย
...
ตราบเท่าที่เราอยู่บนโลกนี้ เราก็ไม่อาจหลบลี้หนีหน้าไปจากปัญหาที่ว่าด้วยเรื่องของความรักและความสัมพันธ์
ยิ่งรักและผูกพันกันมาก...ยิ่งเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ อยากยึดเค้าไว้ข้างๆ ไม่ก็อยากยื้อเค้าไว้ตลอดไป
ในความเป็นจริงแล้ว มันจะมีประโยชน์อะไร หากรั้งตัวเค้าไว้ได้ แต่รั้งใจเค้าไว้ไม่อยู่?
...
เราคงห้ามตัวเราไม่ให้เศร้าไม่ได้...แต่อย่างน้อยต้องเตือนตัวเองให้เศร้าแบบมีสติ
ถ้าฟูมฟายเพราะความรัก คิดสั้นกระทั่งจะทำร้ายตัวเอง ก็คงไม่แปลกที่จะผิดหวังกับความรัก
...ก็เพราะเรายังรักตัวเองไม่เป็นเลย...แบบนี้ จะไปรักคนอื่นได้ยังไง?
...
จริงๆ น้อง C อาจต้องไปทบทวนว่า ตกลงที่ร้องไห้นี่ เสียใจเพราะเค้าไม่รัก หรือเจ็บใจที่เค้าทิ้งเรากันแน่?
ถ้ายังคิดไม่ได้...มีความรักครั้งใหม่ ก็มีหวังต้องพังแบบเดิม...เพราะรักเป็นแต่ตัวเอง นั่นไง...
ใช่หรือไม่ หากไม่โกหกตัวเอง ก็น่าจะได้คำตอบ
...
Henry Miller นักเขียนชาวอเมริกัน กล่าวไว้ว่า
"One's destination is never a place, but a new way of seeing things."
แปลได้ว่า "จุดหมายของใครคนหนึ่ง อาจจะไม่ใช่สถานที่ ก็เป็นได้, แต่อาจเป็นมุมมองใหม่ที่มีต่อสิ่งต่างๆ"
...เปลี่ยนมุมคิด ชีวิตก็เปลี่ยน เฉกเช่นเปลี่ยนมุมมอง ของรอบกายก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่เว้นแม้กระทั้งเรื่อง "ความรัก"...
#หวังว่าคงได้สติบ้างนะน้อง
ไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง...อดีตลูกน้องคนหนึ่ง (สมมติว่าชื่อน้อง C นะครับ) โทรมาปรับทุกข์ด้วยเสียงสั่นเครือ...เพราะพึ่งถูกแฟนบอกเลิก
ผมไม่ได้ปลอบอะไรเลย...ฟังอย่างเดียวเท่านั้น เพราะประเมินแล้ว ว่าน้อง C ยังไม่พร้อมจะเลิกเศร้า
ผมไม่ได้ใจดำ...แต่ไม่ถนัดจะปลอบให้ใครหนีความจริง อีกทั้งผมก็ไม่ใช่ Love Guru ที่เชี่ยวชาญแบบศิราณี หรือดีเจคลื่นวิทยุ
...
หลายๆ ครั้ง ผมมักได้ยินหลายๆ คน ปลอบใจคนโดนทิ้ง ว่าให้ออกจากที่เดิมๆ ไปอยู่ที่ใหม่ๆ ไปเจอคนใหม่ๆ จะได้คลายเศร้าลงได้บ้าง
แม้ผมจะไม่เห็นด้วยเสียทีเดียว...แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ครับ ว่ามันก็ช่วยได้บ้างเล็กน้อย
ที่บอกว่าไม่เห็นด้วยเสียทีเดียว...เพราะผมมีความรู้สึกว่า มันออกจะเป็นการวิ่งหนีปัญหาไปสักหน่อย
...เพราะตราบใดที่ไม่แก้ที่หัวใจและสมองของเราเสียก่อน...ต่อให้หนีไปสุดหล้า ก็ไม่อาจจะคลายความเศร้าได้
ยังไงก็ตาม...การหลบไปจากที่เดิมๆ และคนเดิมๆ ก็อาจพอช่วยได้...หากว่าการหลบที่ว่านั้น เป็นการหลบไปทบทวนสติ ไม่ใช่หลบไปฟูมฟาย
...
ตราบเท่าที่เราอยู่บนโลกนี้ เราก็ไม่อาจหลบลี้หนีหน้าไปจากปัญหาที่ว่าด้วยเรื่องของความรักและความสัมพันธ์
ยิ่งรักและผูกพันกันมาก...ยิ่งเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ อยากยึดเค้าไว้ข้างๆ ไม่ก็อยากยื้อเค้าไว้ตลอดไป
ในความเป็นจริงแล้ว มันจะมีประโยชน์อะไร หากรั้งตัวเค้าไว้ได้ แต่รั้งใจเค้าไว้ไม่อยู่?
...
เราคงห้ามตัวเราไม่ให้เศร้าไม่ได้...แต่อย่างน้อยต้องเตือนตัวเองให้เศร้าแบบมีสติ
ถ้าฟูมฟายเพราะความรัก คิดสั้นกระทั่งจะทำร้ายตัวเอง ก็คงไม่แปลกที่จะผิดหวังกับความรัก
...ก็เพราะเรายังรักตัวเองไม่เป็นเลย...แบบนี้ จะไปรักคนอื่นได้ยังไง?
...
จริงๆ น้อง C อาจต้องไปทบทวนว่า ตกลงที่ร้องไห้นี่ เสียใจเพราะเค้าไม่รัก หรือเจ็บใจที่เค้าทิ้งเรากันแน่?
ถ้ายังคิดไม่ได้...มีความรักครั้งใหม่ ก็มีหวังต้องพังแบบเดิม...เพราะรักเป็นแต่ตัวเอง นั่นไง...
ใช่หรือไม่ หากไม่โกหกตัวเอง ก็น่าจะได้คำตอบ
...
Henry Miller นักเขียนชาวอเมริกัน กล่าวไว้ว่า
"One's destination is never a place, but a new way of seeing things."
แปลได้ว่า "จุดหมายของใครคนหนึ่ง อาจจะไม่ใช่สถานที่ ก็เป็นได้, แต่อาจเป็นมุมมองใหม่ที่มีต่อสิ่งต่างๆ"
...เปลี่ยนมุมคิด ชีวิตก็เปลี่ยน เฉกเช่นเปลี่ยนมุมมอง ของรอบกายก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่เว้นแม้กระทั้งเรื่อง "ความรัก"...
#หวังว่าคงได้สติบ้างนะน้อง
Comments
Post a Comment