Skip to main content

Post#3-308: กะเหรี่ยงหลงทาง

Post#3-308:
ผมพบตัวเองเป็นกะเหรี่ยงหลงทางอีกครั้ง อยู่ในฝั่งเกาลูน, มะงุมมะงาหลากับการหาทางไปประชุม

แม้จะมาประเทศที่สองของชาวไทยบ่อยอยู่ไม่น้อย แต่ส่วนมากเป็นการมาเที่ยวเสียมากกว่า...และก็มีเส้นทางสายไหมของตัวเอง ก็เลยไม่เดือดร้อน

แต่คราวนี้ ต้องออกนอกเส้นทางหลัก ก็เลยทำให้เดินหลงทางอย่างที่ว่าล่ะครับ

...

หลังจากงงกับ MTR (รถไฟฟ้าใต้ดินของที่นี่ครับ) ผมก็พยายามหา Taxi เพราะไม่อยากหลง...มั่นใจว่ามาใกล้แล้วแน่ๆ

ที่นี่เรียก Taxi ซี้ซั้วไม่ได้นะครับ ต้องไปเรียกที่ Taxi Stand และผมก็รอ Taxi นานมาก...โดนแซงคิวด้วย -"-

แต่ปรากฏว่า ที่ประชุมกับจุดเรียก Taxi นั้น ไม่ห่างกันมาก พอบอกจุดหมาย คุณพี่ Taxi เกิดมีคุณธรรม...ไล่ผมลง พร้อมชี้มือชี้ไม้ให้เดินไปเอง T_T

...

หมดท่าเข้า...ผมก็พึ่ง Google Map ในการคลำทาง...แต่อนิจจา มาคราวนี้ ดันลืมติด SIM Card ของฮ่องกงมาด้วย

ผมจึงต้องใช้สัญญาณ Internet แบบ Data Roaming ซึ่งก็ติดๆ ดับๆ...เดี๋ยวอยู่ Net Work นั้น เดี๋ยวข้ามมา Network นี้ ซึ่งนับว่าเสี่ยงต่อการต้องจ่ายค่าบริการระดับหลายพันแน่ๆ T_T

หลังลองอยู่พักใหญ่ก็ยอมแพ้ครับ...และเมื่อพึ่ง Technology ไม่ได้...ก็เลยต้องพึ่งวิธีดั้งเดิมล่ะครับ...ก็ถามคนข้างทางไปเรื่อยๆ ครับ

...

หลงทางคราวนี้ เลยทำให้มั่นใจว่า โดยค่าเฉลี่ยแล้ว คนไทยเราใจดีกับนักท่องเที่ยว มากกว่าคนที่นี่เยอะมาก

โดยสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่นี่...อาจทำให้ผู้คนต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างต้องช่วยเหลือตัวเอง

กระทั่งผมโทรไปถามเส้นทางของคนที่ต้องไปประชุมด้วย...เธอยังบอกให้ผมถามทางจากคนข้างทางเอาเอง เพราะเธอไม่มีเวลาอธิบายเส้นทาง

ส่วนคนข้างทาง ต่างก็รีบเร่ง เดินก้มหน้าไม่สบตาใคร ที่สบตาก็มีใบหน้าประมาณ "อย่ายุ่ง...กรูรีบ"

ที่พึงของผมก็คือ ร้านสะดวกซื้อนั่นล่ะครับ เข้าไปซื้อของ แล้วก็เลยรบกวนสอบถามเส้นทาง...อาศัยถามไป คลำทางไป และที่สุดกะเหรี่ยงอย่างผมก็ไปถึงจุดหมายได้ ^^

...ใครต้องเดินทางในต่างแดน เตรียมตัวล่วงหน้าหน่อยก็ดีครับ จะได้ไม่เป็น "โรคกะเหรี่ยงหลงทาง" อย่างผม...

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...