Skip to main content

Post#3-303: ความลับที่ไม่ลับ

Post#3-303:
ผมเชื่อว่า คนเราทุกคนต่างก็มีเรื่องราวอะไรบางอย่างที่เราอยากเก็บไว้คนเดียวโดยไม่บอกให้ใครรู้

เรามักเรียกเรื่องราวที่ว่านี้ว่า "ความลับ"

และคิดไปคิดมาก็น่าแปลก ที่พอเรารู้สึกว่าใครเก็บเรื่องไหนไว้เป็นเรื่องลับ...เราก็มักจะอยากล้วงแคะแกะเกาให้กระจ่าง

แต่พอเป็นเรื่องความลับของเราบ้าง...เรามักจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทุกที หากมีใครพยายามจะมาขุดคุ้ย

...

ทีนี้ถ้ามันเป็นความลับจริง...เคยสงสัยกันมั๊ยครับ ว่ามันรั่วไหลออกมาได้ยังไงกันนะ?

คำตอบนั้นแสนง่าย...ก็เจ้าของความลับนั่นแหละครับที่มักจะเผลอเรอหรือไม่ก็อึดอัดจนเก็บความลับนั้นไว้ไม่ได้...

ที่สุดแล้วจึงทำให้เรื่องลับกลายเป็นไม่ลับอีกต่อไป

...

แล้วก็ตลกมั๊ยล่ะครับ ที่เวลาเราจะเล่าความลับให้ใครคนอื่นฟัง...เราก็มักจะบอกว่า "อย่าไปบอกใครนะ"

คิดว่าใครคนอื่นที่ว่าน่ะ...เค้าจะเชื่อเรา เก็บเรื่องราวนั้นไว้เป็นความลับ อย่างนั้นหรือเปล่าครับ?

ฝรั่งพูดถึงเรื่องความลับไว้น่าสนใจและเราน่าจะเก็บไว้เตือนใจตัวเราเองครับ, เค้าว่าไว้ว่า

"Never give your secret to anyone because if you can't keep it to yourself, don't expect others to."

แปลว่า "จงอย่าเล่าความลับของเจ้าให้คนอื่นฟัง เพราะถ้าเจ้าเองยังไม่อาจเก็บความลับไว้ได้, ก็จงอย่าคาดหวังว่าคนอื่นจะไม่ไปพูดต่อ"

...

อ่านวาทะข้างต้นจบ...ผมบอกตัวเองเลยครับ ว่าเห็นด้วย 100%

ก็ขนาดตัวเราเองยังเก็บความลับนั้นไว้ไม่ได้เลย...ทำไมจึงคาดหวังว่า คนอื่นจะไม่เอาไปเล่าต่อ

ซึ่งพอเค้าเอาไปเล่าต่อ เราก็โกรธเค้าเป็นการใหญ่...หาว่าเค้าเป็นพวกปากสว่าง เที่ยวเอาความลับของเราไปเปิดเผย

...

คิดดูให้ดีครับ ว่าคนที่ปากสว่างที่สุดน่ะคือใคร?

ถูกครับ...ไม่ใช่ใครเลยครับ หากแต่เป็นต้วเราต่างหาก ที่เอาความลับของเราไปบอกคนอื่น

...ถ้าจะโทษคนอื่นว่าปากสว่าง...เราก็ควรจะรู้จักเก็บงำความลับให้ยังคงเป็นความลับให้ได้ตลอดรอดฝั่ง จึงจะถูก...

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...