Post#3-56:
บ่ายวันนี้ ผมถามลูกน้องคนหนึ่งว่า "มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า?" เหตุเพราะสีหน้าเธอดูเหนื่อยหน่ายเสียเหลือเกิน
ถามครั้งแรก เธอตอบว่าไม่มีอะไร ผมก็เลยทิ้งระยะไปพักใหญ่ๆ
คราวนี้ ผมเปลี่ยนวิธีใหม่ ไม่ถามต่อหน้าแล้ว แต่เปลี่ยนมาเป็นถามผ่าน LINE แทน
...
คำตอบก็เป็นอย่างที่ผมคาด ก็คือเธอมีเรื่องหงุดหงิดใจอยู่นิดหน่อย เกี่ยวกับวิธีการทำงานของเพื่อนร่วมงาน
ผมลงไปช่วยอะไรเธอไม่ได้ เพราะจะทำให้สูญเสียความเป็นกลางไป...แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่า ใครทำงานเป็นยังไง?
ได้แต่ปลอบใจเธอว่า "นี่แหละชีวิตจริง"
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันเป็นชีวิตจริงของการทำงาน ที่บางครั้งหาความยุติธรรมและความเข้าใจระหว่างเพื่อนร่วมงานได้ยาก
...
สำคัญที่สุดที่ผมสอนเธอ ก็คือ "อายุ" ไม่ใช่ตัวบ่งบอกว่า ใครมีอำนาจเหนือใคร เพราะพวก "แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน" นั้น มีอยู่ทุกสังคมและทุกองค์กร
ผิดหรือถูก วัดจากหน้าที่และความรับผิดชอบในงาน ไม่ใช่ว่าใครอาวุโสมากกว่า แล้วจะนำมาเป็นข้ออ้างที่จะข่มเด็กๆ ได้
หรือใช่ว่า ถือว่าสนิทกัน จะเอาเปรียบเพื่อนร่วมงานยังไงก็ได้...แล้วก็เป็นเรื่องจริงที่น่าเศร้า ที่จะต้องบอกว่า คนที่ชอบเอาเปรียบก็เอาเปรียบคนอื่นอยู่ร่ำไป ส่วนคนที่ยอมก็ยอมอยู่อย่างนั้น
...
เวลาทำงาน เราจึงต้องแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ได้...อาวุโสกว่า, ตำแหน่งสูงกว่า หรือสนิทกันมาก...ก็ไม่ได้แปลว่า จะอะไรก็ได้
อีกประการหนึ่ง เราจะ deal งานกับเพื่อนร่วมงาน ต้องยึดตามอำนาจ, หน้าที่, ความรับผิดชอบ รวมไปถึงขั้นตอนและลำดับงาน
ดังนั้น ใครที่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้...ก็ไม่สามารถก้าวหน้าขึ้นไปเป็นผู้บริหารได้ หรือหากได้เป็น ก็ไม่อาจครองใจลูกน้องได้
...
หากคุณเป็นนาย...ต้องหมั่นสังเกตและดูแลลูกน้อง (ถามครั้งแรกอาจไม่ได้คำตอบ ลองทอดเวลา และเปลี่ยนเครื่องมือในการถามดูด้วยครับ)...เพราะแม้เราจะช่วยเค้าไม่ได้ทุกเรื่อง แต่ลูกน้องรู้ดีว่า นายพยายามช่วยแล้ว จริงหรือไม่?
หากคุณเป็นลูกน้อง...อะไรที่เหลือบ่ากว่าแรง จงอย่าลังเลที่จะปรึกษานาย...เพราะนายที่ดีจะรู้ดีว่า คุณพยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเองอย่างดีที่สุดแล้วหรือไม่?
หากคุณเป็นเพื่อนร่วมงานของใครสักคน...จงรู้จักแยกความสัมพันธ์ส่วนตัวออกจากความสัมพันธ์ในเนื้องาน...อย่ารอจนคุณโดนเข้าอย่างที่คุณทำกับคนอื่น แล้วค่อยรู้สึกตัว
ฝากไว้ให้คิดตามนะครับ เพราะครอบครัวที่สองของชีวิต...คือที่ทำงานของเรานั่นเองครับ
บ่ายวันนี้ ผมถามลูกน้องคนหนึ่งว่า "มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า?" เหตุเพราะสีหน้าเธอดูเหนื่อยหน่ายเสียเหลือเกิน
ถามครั้งแรก เธอตอบว่าไม่มีอะไร ผมก็เลยทิ้งระยะไปพักใหญ่ๆ
คราวนี้ ผมเปลี่ยนวิธีใหม่ ไม่ถามต่อหน้าแล้ว แต่เปลี่ยนมาเป็นถามผ่าน LINE แทน
...
คำตอบก็เป็นอย่างที่ผมคาด ก็คือเธอมีเรื่องหงุดหงิดใจอยู่นิดหน่อย เกี่ยวกับวิธีการทำงานของเพื่อนร่วมงาน
ผมลงไปช่วยอะไรเธอไม่ได้ เพราะจะทำให้สูญเสียความเป็นกลางไป...แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่า ใครทำงานเป็นยังไง?
ได้แต่ปลอบใจเธอว่า "นี่แหละชีวิตจริง"
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันเป็นชีวิตจริงของการทำงาน ที่บางครั้งหาความยุติธรรมและความเข้าใจระหว่างเพื่อนร่วมงานได้ยาก
...
สำคัญที่สุดที่ผมสอนเธอ ก็คือ "อายุ" ไม่ใช่ตัวบ่งบอกว่า ใครมีอำนาจเหนือใคร เพราะพวก "แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน" นั้น มีอยู่ทุกสังคมและทุกองค์กร
ผิดหรือถูก วัดจากหน้าที่และความรับผิดชอบในงาน ไม่ใช่ว่าใครอาวุโสมากกว่า แล้วจะนำมาเป็นข้ออ้างที่จะข่มเด็กๆ ได้
หรือใช่ว่า ถือว่าสนิทกัน จะเอาเปรียบเพื่อนร่วมงานยังไงก็ได้...แล้วก็เป็นเรื่องจริงที่น่าเศร้า ที่จะต้องบอกว่า คนที่ชอบเอาเปรียบก็เอาเปรียบคนอื่นอยู่ร่ำไป ส่วนคนที่ยอมก็ยอมอยู่อย่างนั้น
...
เวลาทำงาน เราจึงต้องแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ได้...อาวุโสกว่า, ตำแหน่งสูงกว่า หรือสนิทกันมาก...ก็ไม่ได้แปลว่า จะอะไรก็ได้
อีกประการหนึ่ง เราจะ deal งานกับเพื่อนร่วมงาน ต้องยึดตามอำนาจ, หน้าที่, ความรับผิดชอบ รวมไปถึงขั้นตอนและลำดับงาน
ดังนั้น ใครที่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้...ก็ไม่สามารถก้าวหน้าขึ้นไปเป็นผู้บริหารได้ หรือหากได้เป็น ก็ไม่อาจครองใจลูกน้องได้
...
หากคุณเป็นนาย...ต้องหมั่นสังเกตและดูแลลูกน้อง (ถามครั้งแรกอาจไม่ได้คำตอบ ลองทอดเวลา และเปลี่ยนเครื่องมือในการถามดูด้วยครับ)...เพราะแม้เราจะช่วยเค้าไม่ได้ทุกเรื่อง แต่ลูกน้องรู้ดีว่า นายพยายามช่วยแล้ว จริงหรือไม่?
หากคุณเป็นลูกน้อง...อะไรที่เหลือบ่ากว่าแรง จงอย่าลังเลที่จะปรึกษานาย...เพราะนายที่ดีจะรู้ดีว่า คุณพยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเองอย่างดีที่สุดแล้วหรือไม่?
หากคุณเป็นเพื่อนร่วมงานของใครสักคน...จงรู้จักแยกความสัมพันธ์ส่วนตัวออกจากความสัมพันธ์ในเนื้องาน...อย่ารอจนคุณโดนเข้าอย่างที่คุณทำกับคนอื่น แล้วค่อยรู้สึกตัว
ฝากไว้ให้คิดตามนะครับ เพราะครอบครัวที่สองของชีวิต...คือที่ทำงานของเรานั่นเองครับ
Comments
Post a Comment