Post#3-68:
แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว การที่เราจะใช้ชีวิตได้อย่างเป็นสุขที่สุด ก็คือการมีชีวิตอยู่โดยไม่คิดแข่งขันหรือเปรียบเทียบกับคนอื่น...
แต่บางครั้งการที่เราไม่มีคู่แข่งหรือคู่เปรียบเทียบเอาเสียเลย ก็อาจจะทำให้ชีวิตเราย่ำอยู่กับที่ได้เหมือนกันครับ
สำหรับผมแล้ว...ความยากของการไม่ทำให้ชีวิตเราเรื่อยเฉื่อยจนเกินไป และไม่เที่ยวอิจฉาคนอื่นจนเกินงาม จึงถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของคนเราอยู่เหมือนกัน
...
หากเราเข้าใจขอบเขตของความเรื่อยเฉื่อยและความเกินงามแล้ว...การหาคู่เทียบหรือคู่แข่งให้กับชีวิต ก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องที่แย่แต่อย่างใด
ตรงกันข้าม ผมคิดว่า การหาคู่เทียบ ก็ถือเป็นสีสันให้กับชีวิตได้อย่างน่าดู เพราะถ้าเราเลือกใช้ประโยชน์จากคู่เทียบให้กลายเป็นแรงผลักดัน แล้ว...ก็จะทำให้เรามีเป้าหมายเล็กๆ ที่เราอยากจะไปให้ถึงได้
แต่เพื่อไม่ให้เราล้ำเส้นของการหาคู่เทียบไปจนเกินงาม เราจึงอาจต้องทำความเข้าใจกับตัวเองก่อนว่า...
เราเทียบเพื่อให้เป็นเป้าหมายสำหรับการพัฒนา ไม่ใช่เพื่อการเอาชนะ
...
ฟังดูอาจจะเหมือนผมพูดกำกวม แต่แท้ที่จริงแล้ว การตั้งคู่เทียบให้เป็นเป้าหมายนั้น จุดมุ่งหมายไม่ใช่เพื่อผลแพ้หรือชนะ เพราะคนที่เรากำหนดให้เป็นคู่เทียบนั้น ไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย ว่าเรากำลังยึดเค้าเป็นเป้าหมายอยู่
การหาคู่เทียบของผม จึงเป็นการพิจารณาว่า ข้อที่น่าอิจฉาของคู่เทียบของเรานั้น เป็นประโยชน์กับเราในการพัฒนาตัวเองหรือยกระดับชีวิตของเราให้ดีขึ้นหรือไม่
ถ้าคำตอบคือ "ใช่" ก็ต้องศึกษาคู่เทียบดูว่า มีวิธีคิดหรือวิธีทำอย่างไร จึงทำให้เค้ามีหรือเค้าเป็นในสิ่งที่เราไม่มีและยังไม่เป็นแบบเค้าได้
...
เมื่อลงมือทำไประยะหนึ่ง หากเราชนะคู่เทียบได้ ถ้าพอใจกับชีวิตแล้วก็แล้วไป แต่ถ้ายัง เราก็มีหน้าที่ต้องหาคู่เทียบให้ชีวิตต่อไป
ถ้าเราพยายามอย่างที่สุดแล้ว เรายังไปถึงจุดที่คู่เทียบยืนอยู่ไม่ได้ ก็ไม่ได้เป็นผลลบแต่อย่างใด...เพราะถ้าเราพยายามถึงที่สุดแล้วจริงๆ เราย่อมควรจะอยู่ในจุดที่ดีขึ้นกว่าเดิมแน่ๆ
ฝากไว้นิดนึงครับว่า...ผมไม่ได้หมายความเพียงแค่เรื่องฐานะหรือตำแหน่งหน้าที่การงาน หากแต่รวมไปถึงเรื่องความสุขของการใช้ชีวิตด้วย
...
คนที่เข้าใจจุดประสงค์ของการหาคู่เทียบ จะรู้ดีว่า การเลือกเทียบเลือกแข่งนั้น ควรจะเป็นการเทียบหรือแข่งแต่ในเรื่องที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ไม่ใช่เลวลง...
หาคู่เทียบเพื่อเป็นแรงผลักดันให้รู้ว่าเราทำได้หากพยายาม...ไม่ใช่เพื่อแข่งกับคนอื่นเพื่อให้ชนะ แล้วจะได้ไปเยาะเหยยไยไพเค้า
แข่งเพื่อชนะเป้าหมายของตัวเอง กับการแข่งเพื่อเอาชนะคนอื่น อาจเหมือนกันบ้างที่วิธีการ...แต่ผลลัพธ์ในวันที่บรรลุเป้าหมายนั้น มันเติมเต็มหัวใจในแบบที่เทียบกันไม่ได้หรอกครับ
แบบหนึ่ง...ทำให้ใจปิติ แต่อีกแบบ...ทำให้ใจโอหังและลำพอง
อยากให้ผลลัพธ์เป็นแบบไหน...อยู่ที่เจตนาในหัวใจของเราเองครับ
แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว การที่เราจะใช้ชีวิตได้อย่างเป็นสุขที่สุด ก็คือการมีชีวิตอยู่โดยไม่คิดแข่งขันหรือเปรียบเทียบกับคนอื่น...
แต่บางครั้งการที่เราไม่มีคู่แข่งหรือคู่เปรียบเทียบเอาเสียเลย ก็อาจจะทำให้ชีวิตเราย่ำอยู่กับที่ได้เหมือนกันครับ
สำหรับผมแล้ว...ความยากของการไม่ทำให้ชีวิตเราเรื่อยเฉื่อยจนเกินไป และไม่เที่ยวอิจฉาคนอื่นจนเกินงาม จึงถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของคนเราอยู่เหมือนกัน
...
หากเราเข้าใจขอบเขตของความเรื่อยเฉื่อยและความเกินงามแล้ว...การหาคู่เทียบหรือคู่แข่งให้กับชีวิต ก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องที่แย่แต่อย่างใด
ตรงกันข้าม ผมคิดว่า การหาคู่เทียบ ก็ถือเป็นสีสันให้กับชีวิตได้อย่างน่าดู เพราะถ้าเราเลือกใช้ประโยชน์จากคู่เทียบให้กลายเป็นแรงผลักดัน แล้ว...ก็จะทำให้เรามีเป้าหมายเล็กๆ ที่เราอยากจะไปให้ถึงได้
แต่เพื่อไม่ให้เราล้ำเส้นของการหาคู่เทียบไปจนเกินงาม เราจึงอาจต้องทำความเข้าใจกับตัวเองก่อนว่า...
เราเทียบเพื่อให้เป็นเป้าหมายสำหรับการพัฒนา ไม่ใช่เพื่อการเอาชนะ
...
ฟังดูอาจจะเหมือนผมพูดกำกวม แต่แท้ที่จริงแล้ว การตั้งคู่เทียบให้เป็นเป้าหมายนั้น จุดมุ่งหมายไม่ใช่เพื่อผลแพ้หรือชนะ เพราะคนที่เรากำหนดให้เป็นคู่เทียบนั้น ไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย ว่าเรากำลังยึดเค้าเป็นเป้าหมายอยู่
การหาคู่เทียบของผม จึงเป็นการพิจารณาว่า ข้อที่น่าอิจฉาของคู่เทียบของเรานั้น เป็นประโยชน์กับเราในการพัฒนาตัวเองหรือยกระดับชีวิตของเราให้ดีขึ้นหรือไม่
ถ้าคำตอบคือ "ใช่" ก็ต้องศึกษาคู่เทียบดูว่า มีวิธีคิดหรือวิธีทำอย่างไร จึงทำให้เค้ามีหรือเค้าเป็นในสิ่งที่เราไม่มีและยังไม่เป็นแบบเค้าได้
...
เมื่อลงมือทำไประยะหนึ่ง หากเราชนะคู่เทียบได้ ถ้าพอใจกับชีวิตแล้วก็แล้วไป แต่ถ้ายัง เราก็มีหน้าที่ต้องหาคู่เทียบให้ชีวิตต่อไป
ถ้าเราพยายามอย่างที่สุดแล้ว เรายังไปถึงจุดที่คู่เทียบยืนอยู่ไม่ได้ ก็ไม่ได้เป็นผลลบแต่อย่างใด...เพราะถ้าเราพยายามถึงที่สุดแล้วจริงๆ เราย่อมควรจะอยู่ในจุดที่ดีขึ้นกว่าเดิมแน่ๆ
ฝากไว้นิดนึงครับว่า...ผมไม่ได้หมายความเพียงแค่เรื่องฐานะหรือตำแหน่งหน้าที่การงาน หากแต่รวมไปถึงเรื่องความสุขของการใช้ชีวิตด้วย
...
คนที่เข้าใจจุดประสงค์ของการหาคู่เทียบ จะรู้ดีว่า การเลือกเทียบเลือกแข่งนั้น ควรจะเป็นการเทียบหรือแข่งแต่ในเรื่องที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ไม่ใช่เลวลง...
หาคู่เทียบเพื่อเป็นแรงผลักดันให้รู้ว่าเราทำได้หากพยายาม...ไม่ใช่เพื่อแข่งกับคนอื่นเพื่อให้ชนะ แล้วจะได้ไปเยาะเหยยไยไพเค้า
แข่งเพื่อชนะเป้าหมายของตัวเอง กับการแข่งเพื่อเอาชนะคนอื่น อาจเหมือนกันบ้างที่วิธีการ...แต่ผลลัพธ์ในวันที่บรรลุเป้าหมายนั้น มันเติมเต็มหัวใจในแบบที่เทียบกันไม่ได้หรอกครับ
แบบหนึ่ง...ทำให้ใจปิติ แต่อีกแบบ...ทำให้ใจโอหังและลำพอง
อยากให้ผลลัพธ์เป็นแบบไหน...อยู่ที่เจตนาในหัวใจของเราเองครับ
Comments
Post a Comment