Post#3-66:
ผมพบตัวเองอยู่ที่กรุงย่างกุ้งอีกครั้ง เพื่อมาร่วมประชุมกับลูกค้า เพื่อที่จะช่วยกันวางแผนการตลาดและการขาย
อาจจะฟังดูแปลกๆ หน่อย นะครับ ที่ผมจะบอกว่า ผู้คนที่ประเทศนี้ เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ผมรู้สึกว่า พวกเค้ามีความเอื้อเฟื้อและถ้อยทีถ้อยอาศัยมากกว่าประเทศอื่นๆ
แน่นอนว่า ผมไม่ได้สังเกตจากแค่คนใกล้ๆ ตัวที่ทำธุรกิจอยู่ด้วยกันเท่านั้น หากแต่ผมหมายรวมถึงผู้คนที่ผมเฝ้าสังเกตขณะออกสำรวจตลาดมาทั้งวัน
...
แม้ว่าเจ้าของร้านจะยุ่งอยู่กับการขายของ แต่ทุกๆ ร้านที่ผมไปเยี่ยมเยียน ไม่มีการหน้าบึ้งหน้างอใส่ ต่างก็ทักทายโอภาปราศรัย และยินดีให้ข้อมูลและตอบคำถามโดยไม่เกี่ยงงอน
เวลาพวกเค้าสนทนากับทีมผม ผมรู้สึกได้เลยว่า พวกเค้าตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่เราถามมากๆ ทั้งสบตาและพยักหน้าเป็นพักๆ
ผมมาที่กรุงย่างกุ้งนี้ แม้ไม่ถี่แต่ก็เรียกว่าไม่น้อยครั้ง และทุกครั้งผมก็รู้สึกว่าผู้คนที่นี่น่ารักเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
...
ถ้าเทียบความเจริญแล้ว กรุงย่างกุ้งอาจเทียบกับบ้านเราไม่ได้...แต่ถ้าเทียบความเอื้อเฟื้อและโอภาปราศรัยแล้ว ผมต้องขอโทษที่จะต้องบอกว่า บ้านเราเทียบที่นี่ไม่ได้เลย
ในประเทศแห่งนี้ ที่ภาพลักษณ์ในสายตาชาวโลก ยังถือว่าไม่ดีเท่าไหร่...ผมกลับพบว่า ผู้คนที่นี่ต่างก็มีวิถีชีวิตในแบบฉบับของตนเอง เป็นความสมถะและยิ้มแย้มอย่างมิได้กังวลกับชีวิตข้างหน้าจนเกินพอดี
นิยามของคนเมียนมาร์ที่ผมพบเจอ ก็คือ ยิ้มเก่ง, แต่งตัวเรียบง่าย, มีนำ้ใจ, เอื้อเฟื้อ, ชอบไปวัดหรือนมัสการเจดีย์ มากกว่าไปเดินห้าง และที่สำคัญคือ พูดจาตรงไปตรงมา ถือความสัตย์
"อะติดตุ๊ย" ครับ (แปลว่า "แล้วพบกันใหม่")
ผมพบตัวเองอยู่ที่กรุงย่างกุ้งอีกครั้ง เพื่อมาร่วมประชุมกับลูกค้า เพื่อที่จะช่วยกันวางแผนการตลาดและการขาย
อาจจะฟังดูแปลกๆ หน่อย นะครับ ที่ผมจะบอกว่า ผู้คนที่ประเทศนี้ เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ผมรู้สึกว่า พวกเค้ามีความเอื้อเฟื้อและถ้อยทีถ้อยอาศัยมากกว่าประเทศอื่นๆ
แน่นอนว่า ผมไม่ได้สังเกตจากแค่คนใกล้ๆ ตัวที่ทำธุรกิจอยู่ด้วยกันเท่านั้น หากแต่ผมหมายรวมถึงผู้คนที่ผมเฝ้าสังเกตขณะออกสำรวจตลาดมาทั้งวัน
...
แม้ว่าเจ้าของร้านจะยุ่งอยู่กับการขายของ แต่ทุกๆ ร้านที่ผมไปเยี่ยมเยียน ไม่มีการหน้าบึ้งหน้างอใส่ ต่างก็ทักทายโอภาปราศรัย และยินดีให้ข้อมูลและตอบคำถามโดยไม่เกี่ยงงอน
เวลาพวกเค้าสนทนากับทีมผม ผมรู้สึกได้เลยว่า พวกเค้าตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่เราถามมากๆ ทั้งสบตาและพยักหน้าเป็นพักๆ
ผมมาที่กรุงย่างกุ้งนี้ แม้ไม่ถี่แต่ก็เรียกว่าไม่น้อยครั้ง และทุกครั้งผมก็รู้สึกว่าผู้คนที่นี่น่ารักเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
...
ถ้าเทียบความเจริญแล้ว กรุงย่างกุ้งอาจเทียบกับบ้านเราไม่ได้...แต่ถ้าเทียบความเอื้อเฟื้อและโอภาปราศรัยแล้ว ผมต้องขอโทษที่จะต้องบอกว่า บ้านเราเทียบที่นี่ไม่ได้เลย
ในประเทศแห่งนี้ ที่ภาพลักษณ์ในสายตาชาวโลก ยังถือว่าไม่ดีเท่าไหร่...ผมกลับพบว่า ผู้คนที่นี่ต่างก็มีวิถีชีวิตในแบบฉบับของตนเอง เป็นความสมถะและยิ้มแย้มอย่างมิได้กังวลกับชีวิตข้างหน้าจนเกินพอดี
นิยามของคนเมียนมาร์ที่ผมพบเจอ ก็คือ ยิ้มเก่ง, แต่งตัวเรียบง่าย, มีนำ้ใจ, เอื้อเฟื้อ, ชอบไปวัดหรือนมัสการเจดีย์ มากกว่าไปเดินห้าง และที่สำคัญคือ พูดจาตรงไปตรงมา ถือความสัตย์
"อะติดตุ๊ย" ครับ (แปลว่า "แล้วพบกันใหม่")
Comments
Post a Comment