Post#3-69:
เมื่อเช้าวานนี้ ผมตื่นขึ้นพร้อมกับอาการเจ็บตาโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ก็คิดว่า ปล่อยไว้สักพักก็คงจะหายไปเอง
ตกสาย อาการเจ็บตาผมก็ยังไม่ดีขึ้น ประเมินแล้ว คงต้องไปหาหมอถ้าจะดีกว่า...แต่ด้วยธุระปะปังพร้อมกับนัดคุยงานช่วงเย็นๆ ทำให้ผมยังไม่สามารถปลีกเวลาไปได้
แม้ว่าตื่นมาเช้าวันนี้ ผมจะรู้สึกว่าอาการเจ็บตาดีขึ้นมาก แต่ก็ไม่อยากประมาทเหมือนที่เคยปล่อยปละตัวเองในอดีต...สายๆ ของวันนี้ ผมจึงพบตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
...
ธุรกิจโรงพยาบาลเปลี่ยนโฉมหน้าไปจากยุคสมัยเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วค่อนข้างมาก จากเดิมที่มีรายได้หลักมาจากเพียงการรักษาและค่าเวชภัณฑ์...มาในปัจจุบันมีการเติมเรื่องการตลาดสร้างมูลค่าเข้ามา จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม
ผมไม่ได้ตำหนิในเรื่องการสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อยกระดับค่ารักษาและค่าบริการ แต่ผมเบื่อหน่ายในการพยายามที่เยิ่นเย้อในกระบวนการก่อนพบแพทย์
บางครั้งสิ่งที่ผู้บริหารวาดฝันไว้ กับสิ่งที่ทีมงานลงมือปฏิบัติจริงนั้น อาจจะต่างกันแบบสุดขั้วโลก...เช่นเดียวกับความพยายามจะทำให้คนไข้รู้สึกว่าได้รับการเอาใจใส่ กลับกลายเป็นการทำงานแบบขอไปที
...
ยกตัวอย่างของคำถามที่ทำให้ผมไม่ค่อยจะเข้าใจ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นคำถามที่ไม่ค่อยสร้างสรรค์ ก็เช่น
คำถาม: ส่วนสูงเท่าไหร่ครับ?
ความไม่เข้าใจ: ปีนี้มาโรงพยาบาลนี้ หลายครั้งอยู่เหมือนกัน เพราะส่วนสูงไม่ได้ผันแปรง่ายเหมือนน้ำหนัก และอายุของผม ความสูงมันหยุดไปนานแล้ว...ทำไมไม่บันทึกส่วนสูงเข้าฐานข้อมูล?
คำถาม: อาการเป็นยังไงครับ?
ความไม่เข้าใจ: ผมมาหาหมอ ไม่ได้มารับการรักษาจากพยาบาล, ผมไม่ได้มีปัญหาที่จะตอบ แต่พอผมพบหมอ หมอก็ถามคำถามนี้กับผมอยู่ดี...แล้วคุณพยาบาลจะถามเพื่อ?
คำเชิญ: ขอเชิญวัดสายตาทางด้านนี้ค่ะ
ความไม่เข้าใจ: พอผมถามว่า แล้วผลที่ได้จากการวัดสายตา เอาไปใช้ประโยชน์อะไร คุณพยาบาลอึกอัก และตอบว่า งั้นไม่วัดก็ได้ค่ะ...นั่นสิครับ ผมเจ็บตามาครับ จะวัดสายตาเพื่ออะไร?
...
กฎพื้นฐานของการสร้างมูลค่าเพิ่มทางการตลาด ต้องเน้นสร้างให้ลูกค้ารู้สึกว่า สิ่งที่ได้รับ "มีค่า" มากกว่าสิ่งที่จ่ายไป
ดังนั้น ผู้บริหารควรใส่ใจกับการดูแลให้ผู้ปฏิบัติทำงานอย่างใส่ "หัวใจ" ลงไป ไม่ใช่สักแต่ทำงานแบบ "หุ่นยนต์" คือทำตามที่เค้ากำหนดให้ทำ โดยไม่เข้าใจหรือไม่ใส่ใจว่า สิ่งที่เค้ากำหนดให้ทำนั้น ส่งผลถึงเรื่องอะไรบ้าง
เศร้าใจทุกครั้งที่เจอ การทำงานแบบไร้จิตวิญญาณและความมุ่งมั่นครับ...สงสัยว่าคงจะถึงเวลาต้องเปลี่ยนโรงพยาบาลที่ใช้บริการมากกว่า 10 ปี เสียกระมัง?
เมื่อเช้าวานนี้ ผมตื่นขึ้นพร้อมกับอาการเจ็บตาโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ก็คิดว่า ปล่อยไว้สักพักก็คงจะหายไปเอง
ตกสาย อาการเจ็บตาผมก็ยังไม่ดีขึ้น ประเมินแล้ว คงต้องไปหาหมอถ้าจะดีกว่า...แต่ด้วยธุระปะปังพร้อมกับนัดคุยงานช่วงเย็นๆ ทำให้ผมยังไม่สามารถปลีกเวลาไปได้
แม้ว่าตื่นมาเช้าวันนี้ ผมจะรู้สึกว่าอาการเจ็บตาดีขึ้นมาก แต่ก็ไม่อยากประมาทเหมือนที่เคยปล่อยปละตัวเองในอดีต...สายๆ ของวันนี้ ผมจึงพบตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
...
ธุรกิจโรงพยาบาลเปลี่ยนโฉมหน้าไปจากยุคสมัยเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วค่อนข้างมาก จากเดิมที่มีรายได้หลักมาจากเพียงการรักษาและค่าเวชภัณฑ์...มาในปัจจุบันมีการเติมเรื่องการตลาดสร้างมูลค่าเข้ามา จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม
ผมไม่ได้ตำหนิในเรื่องการสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อยกระดับค่ารักษาและค่าบริการ แต่ผมเบื่อหน่ายในการพยายามที่เยิ่นเย้อในกระบวนการก่อนพบแพทย์
บางครั้งสิ่งที่ผู้บริหารวาดฝันไว้ กับสิ่งที่ทีมงานลงมือปฏิบัติจริงนั้น อาจจะต่างกันแบบสุดขั้วโลก...เช่นเดียวกับความพยายามจะทำให้คนไข้รู้สึกว่าได้รับการเอาใจใส่ กลับกลายเป็นการทำงานแบบขอไปที
...
ยกตัวอย่างของคำถามที่ทำให้ผมไม่ค่อยจะเข้าใจ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นคำถามที่ไม่ค่อยสร้างสรรค์ ก็เช่น
คำถาม: ส่วนสูงเท่าไหร่ครับ?
ความไม่เข้าใจ: ปีนี้มาโรงพยาบาลนี้ หลายครั้งอยู่เหมือนกัน เพราะส่วนสูงไม่ได้ผันแปรง่ายเหมือนน้ำหนัก และอายุของผม ความสูงมันหยุดไปนานแล้ว...ทำไมไม่บันทึกส่วนสูงเข้าฐานข้อมูล?
คำถาม: อาการเป็นยังไงครับ?
ความไม่เข้าใจ: ผมมาหาหมอ ไม่ได้มารับการรักษาจากพยาบาล, ผมไม่ได้มีปัญหาที่จะตอบ แต่พอผมพบหมอ หมอก็ถามคำถามนี้กับผมอยู่ดี...แล้วคุณพยาบาลจะถามเพื่อ?
คำเชิญ: ขอเชิญวัดสายตาทางด้านนี้ค่ะ
ความไม่เข้าใจ: พอผมถามว่า แล้วผลที่ได้จากการวัดสายตา เอาไปใช้ประโยชน์อะไร คุณพยาบาลอึกอัก และตอบว่า งั้นไม่วัดก็ได้ค่ะ...นั่นสิครับ ผมเจ็บตามาครับ จะวัดสายตาเพื่ออะไร?
...
กฎพื้นฐานของการสร้างมูลค่าเพิ่มทางการตลาด ต้องเน้นสร้างให้ลูกค้ารู้สึกว่า สิ่งที่ได้รับ "มีค่า" มากกว่าสิ่งที่จ่ายไป
ดังนั้น ผู้บริหารควรใส่ใจกับการดูแลให้ผู้ปฏิบัติทำงานอย่างใส่ "หัวใจ" ลงไป ไม่ใช่สักแต่ทำงานแบบ "หุ่นยนต์" คือทำตามที่เค้ากำหนดให้ทำ โดยไม่เข้าใจหรือไม่ใส่ใจว่า สิ่งที่เค้ากำหนดให้ทำนั้น ส่งผลถึงเรื่องอะไรบ้าง
เศร้าใจทุกครั้งที่เจอ การทำงานแบบไร้จิตวิญญาณและความมุ่งมั่นครับ...สงสัยว่าคงจะถึงเวลาต้องเปลี่ยนโรงพยาบาลที่ใช้บริการมากกว่า 10 ปี เสียกระมัง?
Comments
Post a Comment