Post#3-244:
คงเป็นอย่างที่เราเคยคุยกันไว้หลายครั้งต่อหลายหน...ว่าหนึ่งในเหตุผลหลักที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ชอบทำอะไรใหม่ๆ ก็คือ...กลัวจะผิดพลาด
เริ่มตั้งแต่เรื่องเล็กๆ เช่น จะสั่งอาหาร ก็สั่ง Menu ยอดฮิต, จะซื้อหนังสือ ก็เลือก Best Seller, จะฟังเพลง ก็ฟังแต่เพลงติด Chart, ฯลฯ
รวมความว่า ใครทำอะไร ก็ทำตามๆ เค้าไป...อารมณ์ประมาณ ขอฉัน "ปลอดภัยไว้ก่อน"
...เพราะถ้าพลาดขึ้นมา ก็จะไม่รู้สึกแย่หรือเปิ่น...เนื่องจากอยู่ในหมู่คนส่วนใหญ่นั่นเอง
...
นั่นเพราะผู้คนส่วนใหญ่ ชอบที่จะเป็นผู้ตาม...เพราะมันเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่อธิบายว่า ทำไมคนที่ประสบความสำเร็จ จึงมีจำนวนเพียงแค่หยิบมือเดียวในโลก
เหล่าผู้ประสบความสำเร็จ...ใช่ว่าพวกเค้าจะไม่ผิดพลาด...เค้าก็มีโอกาสผิดพลาดเหมือนคนอื่นๆ แต่ต่างกันแค่ว่า พวกเค้า "ไม่กลัว" ที่จะผิดพลาด
แค่นั้นเองจริงๆ...แต่เป็น "แค่นั้น" ที่แบ่งแยก "ผู้ประสบความสำเร็จ" ออกจาก "ผู้คนทั่วไป"
...
เวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่ผิดพลาด...พวกเค้ามักจะคร่ำครวญถึงสิ่งที่เสียไป
หากแต่มีข้อมูลบางอย่างที่บ่งชี้ว่า...เหล่าผู้ประสบความสำเร็จทั้งหลาย กลับมีทัศนคติและมุมมองต่อความผิดพลาดในแง่มุมที่ต่างออกไป
อยากจะลองคิดตามพวกเค้าดูมั๊ยล่ะครับ?
..
ข้อมูลบางอย่างนั้น บ่งชี้ว่า เหล่าผู้ประสบความสำเร็จ คิดว่า...
"Don't cry of what you lost, instead smile for what you learned."
แปลว่า "จงอย่าเศร้าโศกกับสิ่งที่เสียไป, แต่จงยิ้มให้กับสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากมันแทน"
...
แน่นอนว่า ทุกคนต้องเคยทำอะไรผิดพลาดมาบ้างแล้ว...ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่
หากแต่เมื่อพลาดแล้ว...แล้วทำยังไงต่อดี?
หลายคนเลือกฟูมฟายและคร่ำครวญ, หลายคนโทษทุกสิ่งรอบตัว ยกเว้นตัวเอง, หลายคนไม่ยี่หระ ยังคงทำผิดพลาดซ้ำมาและซ้ำไป, และอีกหลายคนเลือกที่จะทบทวนมัน และตั้งใจจะปรับปรุงใหม่, ฯลฯ
...
ฉะนั้น มุมมองที่เหล่าผู้ประสบความสำเร็จมีต่อความผิดพลาดนั้น...จึงน่าสนใจและนำไปคิดตาม
เราจำต้องเรียนรู้จากอดีต เพื่อนำมาปรับใช้ในปัจจุบัน อันเป็นการปูทางไปสู่อนาคต
...แต่หากไม่คิดจะเรียนรู้ มัวแต่คร่ำครวญถึงอดีตที่ผ่านไป...เค้าจึงไม่เคยอยู่กับปัจจุบัน...และนั่นเอง คือคำตอบที่ว่า ทำไม เค้าจึงมองอนาคตของตัวเอง ไม่ออก...
คงเป็นอย่างที่เราเคยคุยกันไว้หลายครั้งต่อหลายหน...ว่าหนึ่งในเหตุผลหลักที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ชอบทำอะไรใหม่ๆ ก็คือ...กลัวจะผิดพลาด
เริ่มตั้งแต่เรื่องเล็กๆ เช่น จะสั่งอาหาร ก็สั่ง Menu ยอดฮิต, จะซื้อหนังสือ ก็เลือก Best Seller, จะฟังเพลง ก็ฟังแต่เพลงติด Chart, ฯลฯ
รวมความว่า ใครทำอะไร ก็ทำตามๆ เค้าไป...อารมณ์ประมาณ ขอฉัน "ปลอดภัยไว้ก่อน"
...เพราะถ้าพลาดขึ้นมา ก็จะไม่รู้สึกแย่หรือเปิ่น...เนื่องจากอยู่ในหมู่คนส่วนใหญ่นั่นเอง
...
นั่นเพราะผู้คนส่วนใหญ่ ชอบที่จะเป็นผู้ตาม...เพราะมันเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่อธิบายว่า ทำไมคนที่ประสบความสำเร็จ จึงมีจำนวนเพียงแค่หยิบมือเดียวในโลก
เหล่าผู้ประสบความสำเร็จ...ใช่ว่าพวกเค้าจะไม่ผิดพลาด...เค้าก็มีโอกาสผิดพลาดเหมือนคนอื่นๆ แต่ต่างกันแค่ว่า พวกเค้า "ไม่กลัว" ที่จะผิดพลาด
แค่นั้นเองจริงๆ...แต่เป็น "แค่นั้น" ที่แบ่งแยก "ผู้ประสบความสำเร็จ" ออกจาก "ผู้คนทั่วไป"
...
เวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่ผิดพลาด...พวกเค้ามักจะคร่ำครวญถึงสิ่งที่เสียไป
หากแต่มีข้อมูลบางอย่างที่บ่งชี้ว่า...เหล่าผู้ประสบความสำเร็จทั้งหลาย กลับมีทัศนคติและมุมมองต่อความผิดพลาดในแง่มุมที่ต่างออกไป
อยากจะลองคิดตามพวกเค้าดูมั๊ยล่ะครับ?
..
ข้อมูลบางอย่างนั้น บ่งชี้ว่า เหล่าผู้ประสบความสำเร็จ คิดว่า...
"Don't cry of what you lost, instead smile for what you learned."
แปลว่า "จงอย่าเศร้าโศกกับสิ่งที่เสียไป, แต่จงยิ้มให้กับสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากมันแทน"
...
แน่นอนว่า ทุกคนต้องเคยทำอะไรผิดพลาดมาบ้างแล้ว...ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่
หากแต่เมื่อพลาดแล้ว...แล้วทำยังไงต่อดี?
หลายคนเลือกฟูมฟายและคร่ำครวญ, หลายคนโทษทุกสิ่งรอบตัว ยกเว้นตัวเอง, หลายคนไม่ยี่หระ ยังคงทำผิดพลาดซ้ำมาและซ้ำไป, และอีกหลายคนเลือกที่จะทบทวนมัน และตั้งใจจะปรับปรุงใหม่, ฯลฯ
...
ฉะนั้น มุมมองที่เหล่าผู้ประสบความสำเร็จมีต่อความผิดพลาดนั้น...จึงน่าสนใจและนำไปคิดตาม
เราจำต้องเรียนรู้จากอดีต เพื่อนำมาปรับใช้ในปัจจุบัน อันเป็นการปูทางไปสู่อนาคต
...แต่หากไม่คิดจะเรียนรู้ มัวแต่คร่ำครวญถึงอดีตที่ผ่านไป...เค้าจึงไม่เคยอยู่กับปัจจุบัน...และนั่นเอง คือคำตอบที่ว่า ทำไม เค้าจึงมองอนาคตของตัวเอง ไม่ออก...
Comments
Post a Comment