Post#3-267:
เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมานี้ ผมไปเยี่ยมเพื่อนรุ่นน้องที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง (สมมติว่าชื่อ น้อง B นะครับ)...เธอเคราะห์ร้ายขณะหลับอยู่บนรถ
เรื่องของเรื่องก็เกิดจากพวกเมาแล้วขับ...ที่จู่ๆ ก็เลี้ยวรถออกมาชนรถของเธอ ที่กำลังจะไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัด
จากทริปแห่งความสุข จึงกลายสภาพเป็นทริปที่ไม่น่าจดจำเอาเสียเลย
แม้บางครั้ง ผมจะไม่ค่อยชอบด่านที่ตรวจวัดแอลกอฮอล์สักเท่าไหร่...แต่ก็ยอมรับว่า การสกัดเอาพวกที่เมาแล้วขับไว้ก่อน ก็เป็นประโยชน์กับคนที่เค้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย
ได้แต่ภาวนาให้คนที่ผมรู้จักทั้งหลาย ไม่กลายเป็นทั้งพวกเมาแล้วขับ และเป็นเหยื่อของพวกเมาแล้วขับ ด้วยเช่นกัน
...
เรื่องของพวกเมาแล้วครับ ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมายจัดการไป...แต่ที่อยากจะนำมาแชร์มากกว่า ก็คือเรื่องโรงพยาบาล
น้อง B เล่าว่า กว่าเธอจะได้รับการรักษา ก็เสียความรู้สึกไม่น้อย เพราะเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลถามว่า มีเงินมั๊ย?
หรือว่า ปัจจุบันนี้ พันธกิจแรกของโรงพยาบาล จะไม่ใช่เรื่อง การดูแลชีวิตของผู้ป่วย แต่เป็นเรื่องการสนใจผลกำไรของตัวเอง?
...
ยังไม่หมดครับ...ประเด็นต่อไป ก็คือหลังจากเธอได้รับการรักษาแล้ว กลับมาบ้านก็รู้สึกปวดท้องอยู่หลายวัน จนทนไม่ไหวจึงต้องไปโรงพยาบาลใหม่ คราวนี้เป็นในกรุงเทพ
ตอนแรกโรงพยาบาลก็ใช้ผลการตรวจจากโรงพยาบาลต่างจังหวัดเป็นเกณฑ์ จึงไม่ได้ตรวจอะไรเพิ่มเติม...ดีแต่ว่าน้อง B ยืนยันขอ admit
ไม่นานต่อมา อาการเธอดูไม่ดีนัก สุดท้ายปรากฏว่า ตับข้างหนึ่งเกิดอาการฉีกขาด...แปลว่า หากเธอไม่ได้รู้จักสังเกตอาการเจ็บป่วยของตัวเอง วันนี้ผมคงได้ไปงานศพแทนที่จะไปเยี่ยมไข้
...
ผมครุ่นคิดถึงเรื่องที่น้อง B ประสบมา, และผมได้แต่ภาวนาให้ใครก็ตามที่เจ็บหรือป่วย ไม่ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างน้อง B
ไม่รู้ว่าเกิดจากความบังเอิญหรือความไร้ซึ่งความใส่ใจในวิชาชีพ...จึงทำให้น้อง B เกือบแย่
...
ดังนั้น ใครที่เจ็บหรือป่วย จึงต้องหมั่นสังเกตอาการตัวเองด้วยครับ อย่าปล่อยให้คนอื่นชี้เป็นหรือตายกับเราเพียงฝ่ายเดียว
ฝากเรื่องของน้อง B ไว้เตือนใจ ให้กับทั้งฝ่ายคนป่วย/คนเจ็บ และฝ่ายที่ต้องดูแลชีวิตด้วยเช่นกันนะครับ
...ความประมาทและความเห็นแก่ตัวของคุณเพียงเล็กน้อย อาจทำให้ใครคนหนึ่งและครอบครัวของเค้า ต้องเจ็บปวดไปตลอดกาล...
เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมานี้ ผมไปเยี่ยมเพื่อนรุ่นน้องที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง (สมมติว่าชื่อ น้อง B นะครับ)...เธอเคราะห์ร้ายขณะหลับอยู่บนรถ
เรื่องของเรื่องก็เกิดจากพวกเมาแล้วขับ...ที่จู่ๆ ก็เลี้ยวรถออกมาชนรถของเธอ ที่กำลังจะไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัด
จากทริปแห่งความสุข จึงกลายสภาพเป็นทริปที่ไม่น่าจดจำเอาเสียเลย
แม้บางครั้ง ผมจะไม่ค่อยชอบด่านที่ตรวจวัดแอลกอฮอล์สักเท่าไหร่...แต่ก็ยอมรับว่า การสกัดเอาพวกที่เมาแล้วขับไว้ก่อน ก็เป็นประโยชน์กับคนที่เค้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย
ได้แต่ภาวนาให้คนที่ผมรู้จักทั้งหลาย ไม่กลายเป็นทั้งพวกเมาแล้วขับ และเป็นเหยื่อของพวกเมาแล้วขับ ด้วยเช่นกัน
...
เรื่องของพวกเมาแล้วครับ ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมายจัดการไป...แต่ที่อยากจะนำมาแชร์มากกว่า ก็คือเรื่องโรงพยาบาล
น้อง B เล่าว่า กว่าเธอจะได้รับการรักษา ก็เสียความรู้สึกไม่น้อย เพราะเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลถามว่า มีเงินมั๊ย?
หรือว่า ปัจจุบันนี้ พันธกิจแรกของโรงพยาบาล จะไม่ใช่เรื่อง การดูแลชีวิตของผู้ป่วย แต่เป็นเรื่องการสนใจผลกำไรของตัวเอง?
...
ยังไม่หมดครับ...ประเด็นต่อไป ก็คือหลังจากเธอได้รับการรักษาแล้ว กลับมาบ้านก็รู้สึกปวดท้องอยู่หลายวัน จนทนไม่ไหวจึงต้องไปโรงพยาบาลใหม่ คราวนี้เป็นในกรุงเทพ
ตอนแรกโรงพยาบาลก็ใช้ผลการตรวจจากโรงพยาบาลต่างจังหวัดเป็นเกณฑ์ จึงไม่ได้ตรวจอะไรเพิ่มเติม...ดีแต่ว่าน้อง B ยืนยันขอ admit
ไม่นานต่อมา อาการเธอดูไม่ดีนัก สุดท้ายปรากฏว่า ตับข้างหนึ่งเกิดอาการฉีกขาด...แปลว่า หากเธอไม่ได้รู้จักสังเกตอาการเจ็บป่วยของตัวเอง วันนี้ผมคงได้ไปงานศพแทนที่จะไปเยี่ยมไข้
...
ผมครุ่นคิดถึงเรื่องที่น้อง B ประสบมา, และผมได้แต่ภาวนาให้ใครก็ตามที่เจ็บหรือป่วย ไม่ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างน้อง B
ไม่รู้ว่าเกิดจากความบังเอิญหรือความไร้ซึ่งความใส่ใจในวิชาชีพ...จึงทำให้น้อง B เกือบแย่
...
ดังนั้น ใครที่เจ็บหรือป่วย จึงต้องหมั่นสังเกตอาการตัวเองด้วยครับ อย่าปล่อยให้คนอื่นชี้เป็นหรือตายกับเราเพียงฝ่ายเดียว
ฝากเรื่องของน้อง B ไว้เตือนใจ ให้กับทั้งฝ่ายคนป่วย/คนเจ็บ และฝ่ายที่ต้องดูแลชีวิตด้วยเช่นกันนะครับ
...ความประมาทและความเห็นแก่ตัวของคุณเพียงเล็กน้อย อาจทำให้ใครคนหนึ่งและครอบครัวของเค้า ต้องเจ็บปวดไปตลอดกาล...
Comments
Post a Comment