Post#3-259:
ตลอดทั้งวันนี้ ผมมีโอกาสได้ประชุมนำเสนอธุรกิจ ให้กับบุคคลและคณะบุคคล รวมแล้วกว่า 7 กลุ่ม กับ 5 ธุรกิจ
ลองนึกดู...ผมยังไม่เคยแชร์ให้ฟังเลย ว่าการประชุมแบบนี้น่ะ เค้าทำกันยังไง?
ว่าแล้ว ก็ขอแชร์เท่าที่ผมรู้และทึ่ผมทำก็แล้วกันนะครับ
...
สำหรับการประชุมเพื่อนำเสนอ project ใหม่ๆ หรือ Business Opportunity ต่างๆ นั้น...ผมจะมี pattern ในการนำเสนอที่ไม่ต่างกัน
คือเริ่มจากการอธิบาย Business Concept, ตามด้วย Expectation ของธุรกิจ, เหตุผลที่อีกฝ่ายควรต้องรับข้อเสนอ และปิดท้ายด้วย Next Step
โครงหลักๆ มีเท่านี้ แต่ที่สำคัญ ต้องมีตัวเลขประกอบ...เพราะตัวเลขไม่โกหก
...
ใครก็ตามที่ผ่านสนามธุรกิจมานาน มีโอกาสได้นำเสนอ project ให้กับนักลงทุน, ธนาคาร หรือสถาบันทางการเงิน ก็ย่อมจะพอรู้ดีว่า project ที่เรานำเสนอนั้น อีกฝ่ายให้ความสนใจมากหรือน้อยเพียงใด
หลายๆ ครั้ง ที่ผมจบการนำเสนอ พร้อมกับแววตาของอีกฝ่ายประมาณว่า "ขอบใจที่มาเล่าให้ฟังนะ แต่ไม่ล่ะ" (Case A)
และอีกหลายๆ ครั้ง ที่ผมแทบไม่ต้องรอให้จบประชุม ก็รู้ได้ทันทีว่า อีกฝ่ายอยากจะร่วมทำงานกับเราหรือไม่
ที่ยากก็คือการประเมินตั้งแต่ก่อนที่จะไป approach อีกฝ่ายนั่นเองครับ...ว่า Business Model ของเรา น่าจะตรงความต้องการของเค้า พร้อมๆ กับเค้ามี Facilities พอที่จะทำงานกับเราหรือไม่
...
ความจริงแล้ว การนำสินค้าไปเสนอให้ Channels of Distribution พิจารณา ก็ไม่ต่างกันครับ
เวลาที่จะต้องเตรียมข้อมูลไปเสนอนั้น เราเองก็ต้อง "อ่านไพ่" ด้วยครับ ว่าอีกฝ่ายคาดหวังอะไรจากเรา และทำไมลูกค้าของเค้า จะอยากซื้อสินค้าของเรา?
แต่ต่อให้คุณเตรียมตัวดียังไง ก็อาจเป็นไปได้ที่คุณอาจจะเจอ Case A ได้เสมอ...ซึ่งอาจจะเกิดจากการประเมินที่ผิดพลาดของเราแต่ต้น หรืออาจจะเกิดจากความไม่ลงตัวของปัจจัยนอกเหนือการควบคุมของเรา หรือบางครั้งอาจจะเกิดจากความไม่สบอารมณ์ของอีกฝ่าย, ฯลฯ
...
ดังนั้น สำคัญกว่าการประเมินเพื่อเตรียมตัวไปนำเสนอ จึงอยู่ที่การประเมินหลังจากนำเสนอ
คุณอ่านออกมั๊ย ว่าคุณควร "ไปต่อ" หรือ "พอแค่นี้"
ถ้า "ไปต่อ"...ทั้งคุณและอีกฝ่าย ต้องทำอะไรต่อบ้าง?
ยิ่งคุณสรุปได้เร็ว คุณก็จะเดินหน้าต่อได้เร็ว...อย่าลืมว่า นี่เพิ่งเริ่มต้น...ยังมีงานรอคุณอยู่อีกเพียบ
...
แต่ถ้าคำตอบคือ "พอแค่นี้"...คุณวิเคราะห์ได้มั๊ย ว่าสาเหตุที่ fail มาจากอะไร?
มันสำคัญมาก ที่คุณต้องรู้ว่า ทำไม คุณถึง fail...
หนึ่ง...เพื่อที่คุณจะสามารถอธิบายให้กับเจ้านาย, เพื่อนร่วมงาน หรือผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ ของคุณ ได้เข้าใจได้อย่างถูกต้อง
...และสอง...เพื่อที่คุณจะได้นำสาเหตุที่คุณ fail มาปรับปรุงไม่ให้คุณ fail ซ้ำอีกไงครับ...
ตลอดทั้งวันนี้ ผมมีโอกาสได้ประชุมนำเสนอธุรกิจ ให้กับบุคคลและคณะบุคคล รวมแล้วกว่า 7 กลุ่ม กับ 5 ธุรกิจ
ลองนึกดู...ผมยังไม่เคยแชร์ให้ฟังเลย ว่าการประชุมแบบนี้น่ะ เค้าทำกันยังไง?
ว่าแล้ว ก็ขอแชร์เท่าที่ผมรู้และทึ่ผมทำก็แล้วกันนะครับ
...
สำหรับการประชุมเพื่อนำเสนอ project ใหม่ๆ หรือ Business Opportunity ต่างๆ นั้น...ผมจะมี pattern ในการนำเสนอที่ไม่ต่างกัน
คือเริ่มจากการอธิบาย Business Concept, ตามด้วย Expectation ของธุรกิจ, เหตุผลที่อีกฝ่ายควรต้องรับข้อเสนอ และปิดท้ายด้วย Next Step
โครงหลักๆ มีเท่านี้ แต่ที่สำคัญ ต้องมีตัวเลขประกอบ...เพราะตัวเลขไม่โกหก
...
ใครก็ตามที่ผ่านสนามธุรกิจมานาน มีโอกาสได้นำเสนอ project ให้กับนักลงทุน, ธนาคาร หรือสถาบันทางการเงิน ก็ย่อมจะพอรู้ดีว่า project ที่เรานำเสนอนั้น อีกฝ่ายให้ความสนใจมากหรือน้อยเพียงใด
หลายๆ ครั้ง ที่ผมจบการนำเสนอ พร้อมกับแววตาของอีกฝ่ายประมาณว่า "ขอบใจที่มาเล่าให้ฟังนะ แต่ไม่ล่ะ" (Case A)
และอีกหลายๆ ครั้ง ที่ผมแทบไม่ต้องรอให้จบประชุม ก็รู้ได้ทันทีว่า อีกฝ่ายอยากจะร่วมทำงานกับเราหรือไม่
ที่ยากก็คือการประเมินตั้งแต่ก่อนที่จะไป approach อีกฝ่ายนั่นเองครับ...ว่า Business Model ของเรา น่าจะตรงความต้องการของเค้า พร้อมๆ กับเค้ามี Facilities พอที่จะทำงานกับเราหรือไม่
...
ความจริงแล้ว การนำสินค้าไปเสนอให้ Channels of Distribution พิจารณา ก็ไม่ต่างกันครับ
เวลาที่จะต้องเตรียมข้อมูลไปเสนอนั้น เราเองก็ต้อง "อ่านไพ่" ด้วยครับ ว่าอีกฝ่ายคาดหวังอะไรจากเรา และทำไมลูกค้าของเค้า จะอยากซื้อสินค้าของเรา?
แต่ต่อให้คุณเตรียมตัวดียังไง ก็อาจเป็นไปได้ที่คุณอาจจะเจอ Case A ได้เสมอ...ซึ่งอาจจะเกิดจากการประเมินที่ผิดพลาดของเราแต่ต้น หรืออาจจะเกิดจากความไม่ลงตัวของปัจจัยนอกเหนือการควบคุมของเรา หรือบางครั้งอาจจะเกิดจากความไม่สบอารมณ์ของอีกฝ่าย, ฯลฯ
...
ดังนั้น สำคัญกว่าการประเมินเพื่อเตรียมตัวไปนำเสนอ จึงอยู่ที่การประเมินหลังจากนำเสนอ
คุณอ่านออกมั๊ย ว่าคุณควร "ไปต่อ" หรือ "พอแค่นี้"
ถ้า "ไปต่อ"...ทั้งคุณและอีกฝ่าย ต้องทำอะไรต่อบ้าง?
ยิ่งคุณสรุปได้เร็ว คุณก็จะเดินหน้าต่อได้เร็ว...อย่าลืมว่า นี่เพิ่งเริ่มต้น...ยังมีงานรอคุณอยู่อีกเพียบ
...
แต่ถ้าคำตอบคือ "พอแค่นี้"...คุณวิเคราะห์ได้มั๊ย ว่าสาเหตุที่ fail มาจากอะไร?
มันสำคัญมาก ที่คุณต้องรู้ว่า ทำไม คุณถึง fail...
หนึ่ง...เพื่อที่คุณจะสามารถอธิบายให้กับเจ้านาย, เพื่อนร่วมงาน หรือผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ ของคุณ ได้เข้าใจได้อย่างถูกต้อง
...และสอง...เพื่อที่คุณจะได้นำสาเหตุที่คุณ fail มาปรับปรุงไม่ให้คุณ fail ซ้ำอีกไงครับ...
Comments
Post a Comment