Post#3-253:
ผมยังจำวันแรกๆ ที่เริ่มเป็นเจ้าของกิจการมือใหม่ได้ดี...
ยังจำวันที่ให้โอกาสน้องๆ ได้งานทำ, ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ และได้ปกป้องพวกเค้า ด้วยกำลังกายและกำลังใจทั้งหมดที่มี
ยังจำวันที่ผมต้องอด...เพื่อให้พวกเค้าได้เงินเดือนครบถ้วนทุกบาททุกสตางค์ เพื่อไปจุนเจือครอบครัว
...
ไม่ใช่เฉพาะผม แต่สถานการณ์แบบนี้ แทบจะเรียกได้ว่าเป็น Pattern ของเจ้าของกิจการทั้งหลาย ก็ว่าได้
ในความสาหัสของเรื่องต่างๆ ที่เจ้าของกิจการต้องเผชิญ...ลึกๆ แล้ว พวกเค้า (และผมเอง) จึงต่างภูมิใจที่มีโอกาสเป็น "บ้านที่สอง" ของน้องๆ ทุกคน
เป็น "บ้าน" ที่เจ้าบ้านและลูกบ้าน ต่างต้องพึ่งพาอาศัยกัน และช่วยกันทำให้บ้านน่าอยู่
...
เจ้าบ้านต่างยินดีที่มีลูกบ้านมาอาศัย และเป็นหน้าที่ที่ต้องทำให้ลูกบ้านอยู่อย่างมีความสุข และอิ่มท้อง
ส่วนลูกบ้านที่มาขออาศัย...ในเมื่อเราได้ที่พักแล้ว...เราเองก็ควรดูแลบ้านด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่อยู่ในบ้าน...แต่ปล่อยให้คนมาพ่นสีกำแพงบ้านเรื่อยเปื่อย หรือปล่อยให้สุนัขมาทำธุระอันไม่งาม
...
หากเรามาอาศัยในบ้านของเค้า...แต่ไม่ไยดียามที่เจ้าของบ้านกำลังจะมีภัย ก็ดูเหมือนว่า เราออกจะแล้งน้ำใจไปสักหน่อย
ไม่ใช่ว่าผมเข้าข้างเจ้าของบ้าน แต่เพราะทุกวันนี้ ผมเป็นทั้งเจ้าบ้าน และลูกบ้าน...
...ผมจึงพูดได้เต็มปากว่า ผมย่อมเข้าใจความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดี
...
หวนนึกไปถึงยามที่คุณลำบาก, ยังเดียงสา, ยังมิกล้าผจญภัย...ใช่หรือไม่ ที่คุณก็ได้อาศัยบ้านหลังนี้ เป็นที่บังแดด, บังฝน และบังลม
เวลาผ่านไป, คุณก็ได้รับการปกป้องจากบ้านเรื่อยมา...ส่วนบ้านก็ผ่านร้อน, ผ่านฝน และผ่านลม ไปเรื่อย
จนวันหนึ่ง...บ้านนั้น เริ่มชำรุดทรุดโทรม, ถามว่าคุณเลือกจะทำยังไง?
คุณจะบอกว่า เป็นเรื่องของเจ้าบ้านที่ต้องดูแลบ้าน คุณเป็นแค่ผู้อาศัย ไม่เห็นเกี่ยว...อย่างนั้นรึเปล่าครับ?
...
ในยามที่พายุเศรษฐกิจพัดกระหน่ำอย่างไร้ปราณี ทั้งบ้าน, เจ้าบ้าน และตัวคุณเอง ต่างก็ได้รับผลกระทบจากพายุ...
คุณเลือกได้ ว่าจะช่วยเสริมกำแพงให้บ้านนั้นต้านพายุได้อยู่...เพื่อที่คุณจะได้อาศัยบ้านนั้นเป็นที่พักพิงต่อไปได้ หลังพายุสงบ
หรือคุณอาจจะเลือกวิ่งหนีพายุไปตามลำพัง เพื่อหาบ้านใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม?
...
ซึ่งหากคุณเลือกทิ้งบ้านเก่าที่ปกป้องคุณมานานไว้เบื้องหลังอย่างไม่ใยดี...คุณก็ไม่ผิด...
แค่ไม่สง่างาม...ก็เท่านั้น
ยามสบาย คุณอาศัยอยู่ในบ้านอย่างหน้าชื่น, กินอิ่ม-นอนหลับ, ได้อาศัยหลบแดด-ลม และฝน
...แต่พอพายุกระหน่ำ คุณทำถูกแล้วใช่มั๊ยหนอ ที่ทิ้งบ้านไว้ข้างหลังโดยไม่ไยดี...
ผมยังจำวันแรกๆ ที่เริ่มเป็นเจ้าของกิจการมือใหม่ได้ดี...
ยังจำวันที่ให้โอกาสน้องๆ ได้งานทำ, ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ และได้ปกป้องพวกเค้า ด้วยกำลังกายและกำลังใจทั้งหมดที่มี
ยังจำวันที่ผมต้องอด...เพื่อให้พวกเค้าได้เงินเดือนครบถ้วนทุกบาททุกสตางค์ เพื่อไปจุนเจือครอบครัว
...
ไม่ใช่เฉพาะผม แต่สถานการณ์แบบนี้ แทบจะเรียกได้ว่าเป็น Pattern ของเจ้าของกิจการทั้งหลาย ก็ว่าได้
ในความสาหัสของเรื่องต่างๆ ที่เจ้าของกิจการต้องเผชิญ...ลึกๆ แล้ว พวกเค้า (และผมเอง) จึงต่างภูมิใจที่มีโอกาสเป็น "บ้านที่สอง" ของน้องๆ ทุกคน
เป็น "บ้าน" ที่เจ้าบ้านและลูกบ้าน ต่างต้องพึ่งพาอาศัยกัน และช่วยกันทำให้บ้านน่าอยู่
...
เจ้าบ้านต่างยินดีที่มีลูกบ้านมาอาศัย และเป็นหน้าที่ที่ต้องทำให้ลูกบ้านอยู่อย่างมีความสุข และอิ่มท้อง
ส่วนลูกบ้านที่มาขออาศัย...ในเมื่อเราได้ที่พักแล้ว...เราเองก็ควรดูแลบ้านด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่อยู่ในบ้าน...แต่ปล่อยให้คนมาพ่นสีกำแพงบ้านเรื่อยเปื่อย หรือปล่อยให้สุนัขมาทำธุระอันไม่งาม
...
หากเรามาอาศัยในบ้านของเค้า...แต่ไม่ไยดียามที่เจ้าของบ้านกำลังจะมีภัย ก็ดูเหมือนว่า เราออกจะแล้งน้ำใจไปสักหน่อย
ไม่ใช่ว่าผมเข้าข้างเจ้าของบ้าน แต่เพราะทุกวันนี้ ผมเป็นทั้งเจ้าบ้าน และลูกบ้าน...
...ผมจึงพูดได้เต็มปากว่า ผมย่อมเข้าใจความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดี
...
หวนนึกไปถึงยามที่คุณลำบาก, ยังเดียงสา, ยังมิกล้าผจญภัย...ใช่หรือไม่ ที่คุณก็ได้อาศัยบ้านหลังนี้ เป็นที่บังแดด, บังฝน และบังลม
เวลาผ่านไป, คุณก็ได้รับการปกป้องจากบ้านเรื่อยมา...ส่วนบ้านก็ผ่านร้อน, ผ่านฝน และผ่านลม ไปเรื่อย
จนวันหนึ่ง...บ้านนั้น เริ่มชำรุดทรุดโทรม, ถามว่าคุณเลือกจะทำยังไง?
คุณจะบอกว่า เป็นเรื่องของเจ้าบ้านที่ต้องดูแลบ้าน คุณเป็นแค่ผู้อาศัย ไม่เห็นเกี่ยว...อย่างนั้นรึเปล่าครับ?
...
ในยามที่พายุเศรษฐกิจพัดกระหน่ำอย่างไร้ปราณี ทั้งบ้าน, เจ้าบ้าน และตัวคุณเอง ต่างก็ได้รับผลกระทบจากพายุ...
คุณเลือกได้ ว่าจะช่วยเสริมกำแพงให้บ้านนั้นต้านพายุได้อยู่...เพื่อที่คุณจะได้อาศัยบ้านนั้นเป็นที่พักพิงต่อไปได้ หลังพายุสงบ
หรือคุณอาจจะเลือกวิ่งหนีพายุไปตามลำพัง เพื่อหาบ้านใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม?
...
ซึ่งหากคุณเลือกทิ้งบ้านเก่าที่ปกป้องคุณมานานไว้เบื้องหลังอย่างไม่ใยดี...คุณก็ไม่ผิด...
แค่ไม่สง่างาม...ก็เท่านั้น
ยามสบาย คุณอาศัยอยู่ในบ้านอย่างหน้าชื่น, กินอิ่ม-นอนหลับ, ได้อาศัยหลบแดด-ลม และฝน
...แต่พอพายุกระหน่ำ คุณทำถูกแล้วใช่มั๊ยหนอ ที่ทิ้งบ้านไว้ข้างหลังโดยไม่ไยดี...
Comments
Post a Comment