Post#3-266:
ผมใช้เวลาเกือบทั้งบ่ายวันนี้ ประชุมกับ CEO บริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง (สมมติว่าชื่อ พี่ P นะครับ) เกี่ยวกับ Business Portfolio ที่พี่ P ดูแลอยู่
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่พี่ P และผู้บริหารระดับสูงทั่วไปมักจะเจอะเจอก็คือ "ช่องว่าง" ของความเข้าใจ
ยิ่งผู้บริหารที่มี Dynamic สูงๆ ยิ่งจะเจอปัญหานี้มากเป็นพิเศษ...ทำให้บางครั้งอยากจะวิ่งไปข้างหน้าให้เร็วๆ ก็ทำไม่ได้ เพราะติดที่ต้องรอลูกน้องที่วิ่งตามมาไม่ทัน
...
ด้วยเหตุนี้ Middle Management จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่ต้องทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมเกม
ทำอย่างไรจึงจะแปลงนโยบายของเจ้านายให้เป็นแผนปฏิบัติงานสำหรับทีมงานหรือน้องๆ ได้?
เพราะถ้าคนเชื่อมเกมที่ว่า ไม่เข้าใจนโยบายของเจ้านายได้ดีพอ และไม่รู้ศักยภาพของน้องอย่างถ่องแท้..."ช่องว่าง" ที่ว่า ก็จะถูกปิดไม่สนิท
ดังนั้น Middle Management จึงต้องมีลักษณะเป็น "สองคนในร่างเดียว" คือเป็นทั้ง "คนรู้ใจ" และ "คนรู้งาน"
...
การจะขึ้นเป็น Middle Management ได้นั้น จำเป็นจะต้องฝึกการเป็น "คนรู้งาน" ให้ได้ก่อน
เมื่อแม่นในเนื้องาน เวลาเจ้านายคุยด้วย ก็จะทำให้เราให้ข้อมูลนายได้ถูกต้อง และจะตามความคิดนายได้รวดเร็วกว่าคนอื่น
และเมื่อเราตามนาย "ทัน" เราก็จะมีโอกาสพัฒนากลายเป็น "คนรู้ใจ" นาย ได้ในที่สุด
อีกทั้ง เราเคยเป็นลูกน้องมาก่อน เราจึงควรจะต้องเข้าใจข้อจำกัดของน้องๆ ได้ดี...ซึ่งต้องดีพอในระดับที่ต้องประเมินทุกคนในทีมได้
เมื่อเข้าใจฟ้า รู้ภาษาดิน ก็จึงทำให้ "คนเชื่อมเกม" เป็นผู้ที่มีความสำคัญยิ่งต่อองค์กร
...
พี่ P และผม ต่างก็เห็นตรงกันว่า "คนเชื่อมเกม" ที่ดีๆ นั้น หาได้ยากยิ่ง...บ่อยครั้งและมากหน ที่เราจะเจอ "คนเชื่อมเกม" ที่ไม่พยายามจะเข้าใจนาย และไม่เคยคิดที่จะใส่ใจน้อง
ยิ่งพวก "เชลียร์นาย + กดขี่น้อง" นี่ ยิ่งพบเห็นได้ดาษดื่น
ลองคิดดูว่า ถ้า "คนเชื่อมเกม" ที่ไม่เข้าท่าพวกนี้ ไต่เต้าขึ้นไปเป็นผู้บริหารระดับสูงจริงๆ...องค์กรนั้น จะเป็นยังไง?
...
ทุกวันนี้ ใครที่รับบทบาทเป็น "คนเชื่อมเกม" จึงต้องเลือกเส้นทางของตัวเองให้ดีๆ
จะเลือกเป็นพวก "ใช่ครับพี่, ดีครับผม, เหมาะสมครับนาย" หรือจะเป็นพวก "ไม่ฆ่าน้อง, ไม่ฟ้องนาย, ไม่ขายเพื่อน" ก็สุดแล้วแต่ครับ
...เลือกเส้นทางผิดพลาด คุณอาจจะเปลี่ยนจาก "Middle Management" ที่ทรงคุณค่า ไปเป็น "Muddle Management" ที่คนรังเกียจ...
ผมใช้เวลาเกือบทั้งบ่ายวันนี้ ประชุมกับ CEO บริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง (สมมติว่าชื่อ พี่ P นะครับ) เกี่ยวกับ Business Portfolio ที่พี่ P ดูแลอยู่
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่พี่ P และผู้บริหารระดับสูงทั่วไปมักจะเจอะเจอก็คือ "ช่องว่าง" ของความเข้าใจ
ยิ่งผู้บริหารที่มี Dynamic สูงๆ ยิ่งจะเจอปัญหานี้มากเป็นพิเศษ...ทำให้บางครั้งอยากจะวิ่งไปข้างหน้าให้เร็วๆ ก็ทำไม่ได้ เพราะติดที่ต้องรอลูกน้องที่วิ่งตามมาไม่ทัน
...
ด้วยเหตุนี้ Middle Management จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่ต้องทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมเกม
ทำอย่างไรจึงจะแปลงนโยบายของเจ้านายให้เป็นแผนปฏิบัติงานสำหรับทีมงานหรือน้องๆ ได้?
เพราะถ้าคนเชื่อมเกมที่ว่า ไม่เข้าใจนโยบายของเจ้านายได้ดีพอ และไม่รู้ศักยภาพของน้องอย่างถ่องแท้..."ช่องว่าง" ที่ว่า ก็จะถูกปิดไม่สนิท
ดังนั้น Middle Management จึงต้องมีลักษณะเป็น "สองคนในร่างเดียว" คือเป็นทั้ง "คนรู้ใจ" และ "คนรู้งาน"
...
การจะขึ้นเป็น Middle Management ได้นั้น จำเป็นจะต้องฝึกการเป็น "คนรู้งาน" ให้ได้ก่อน
เมื่อแม่นในเนื้องาน เวลาเจ้านายคุยด้วย ก็จะทำให้เราให้ข้อมูลนายได้ถูกต้อง และจะตามความคิดนายได้รวดเร็วกว่าคนอื่น
และเมื่อเราตามนาย "ทัน" เราก็จะมีโอกาสพัฒนากลายเป็น "คนรู้ใจ" นาย ได้ในที่สุด
อีกทั้ง เราเคยเป็นลูกน้องมาก่อน เราจึงควรจะต้องเข้าใจข้อจำกัดของน้องๆ ได้ดี...ซึ่งต้องดีพอในระดับที่ต้องประเมินทุกคนในทีมได้
เมื่อเข้าใจฟ้า รู้ภาษาดิน ก็จึงทำให้ "คนเชื่อมเกม" เป็นผู้ที่มีความสำคัญยิ่งต่อองค์กร
...
พี่ P และผม ต่างก็เห็นตรงกันว่า "คนเชื่อมเกม" ที่ดีๆ นั้น หาได้ยากยิ่ง...บ่อยครั้งและมากหน ที่เราจะเจอ "คนเชื่อมเกม" ที่ไม่พยายามจะเข้าใจนาย และไม่เคยคิดที่จะใส่ใจน้อง
ยิ่งพวก "เชลียร์นาย + กดขี่น้อง" นี่ ยิ่งพบเห็นได้ดาษดื่น
ลองคิดดูว่า ถ้า "คนเชื่อมเกม" ที่ไม่เข้าท่าพวกนี้ ไต่เต้าขึ้นไปเป็นผู้บริหารระดับสูงจริงๆ...องค์กรนั้น จะเป็นยังไง?
...
ทุกวันนี้ ใครที่รับบทบาทเป็น "คนเชื่อมเกม" จึงต้องเลือกเส้นทางของตัวเองให้ดีๆ
จะเลือกเป็นพวก "ใช่ครับพี่, ดีครับผม, เหมาะสมครับนาย" หรือจะเป็นพวก "ไม่ฆ่าน้อง, ไม่ฟ้องนาย, ไม่ขายเพื่อน" ก็สุดแล้วแต่ครับ
...เลือกเส้นทางผิดพลาด คุณอาจจะเปลี่ยนจาก "Middle Management" ที่ทรงคุณค่า ไปเป็น "Muddle Management" ที่คนรังเกียจ...
Comments
Post a Comment