Post#3-261:
เช้านี้หลังกลับจากประชุม ผมใช้เวลาอยู่บนท้องถนนอย่างยาวนาน เพราะเกิดอุบัติเหตุใหญ่บนเส้นที่ผมสัญจร
เพื่อแก้เบื่อและเป็นการเพิ่มพูนความรู้ ผมจึงเข้าไปท่อง Facebook ของนักเขียนในดวงใจ...คุณวินทร์ เลียววาริณ
และได้ไปเจอประเด็นน่าสนใจ ที่คุณวินทร์นำวาทะของหลวงพ่อชา สุภัทโท มาแชร์ว่า
"ถึงปลาจะบอกว่าอยู่ในน้ำเป็นอย่างไร นกก็ไม่มีทางจะรู้ได้ ตราบใดที่นกยังไม่เป็นปลา"
...
ไม่ทราบว่า ใครจะตีความวาทะของหลวงพ่อฯ ว่ายังไง...แต่สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่า หลวงพ่อฯ ท่านกำลังสอนเราเรื่อง "ปัจจัตตัง"
และไม่รู้ว่า ผมคิดมากเกินไปมั๊ย ถ้าจะแอบตีความว่า ในเวลาเดียวกัน คุณวินทร์ก็กำลังเตือนให้เราฉุกคิดว่า "อย่าใช้ตัวเองเป็นบรรทัดฐานให้คนอื่น"
หลวงพ่อฯ ท่านสอนว่า ไม่ทำไม่รู้ ใครทำใครรู้...และคุณวินทร์สะกิดเราว่า "เรารู้สึกแบบนั้น นู้น นี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า คนอื่นจะต้องรู้สึกแบบเดียวกับเรา หรือเข้าใจว่าเรากำลังรู้สึกยังไงอยู่"
...
หลวงพ่อฯ ท่านสอนเป็นนัยๆ ว่า "ถ้าอยากเข้าใจในภาวะที่อีกฝ่ายกำลังเป็น ก็ไม่ต้องไปขอให้เค้ามาอธิบายให้เสียเวลา...อยากรู้หรือเข้าใจ ก็ต้องลงมือทำเอง จึงจะรู้และเข้าใจในภาวะนั้น"
เหมือนจะอธิบายให้ใครสักคนที่ไม่รู้จัก ว่า "ไฟ" นั้น ร้อนอย่างไร?
ถามว่า มีอะไรอธิบายได้ดีกว่า การให้ใครคนนั้น สัมผัส "ไฟ" ด้วยตัวเอง
...
ดังนั้น บางครั้ง ที่เรามักเผลอคิดแทนคนอื่น...จึงเป็นบ่อยครั้งที่เราต้องเสียใจ ที่ไอ้การคิดแทนคนอื่นนั้น มันไม่ได้ตรงใจเค้า
เราอาจคิดว่า "ดี สำหรับเค้า" แต่เค้าอาจจะคิดว่า "เราแส่ไม่เข้าเรื่อง"
...เป็น "ปัจจัตตัง" ในด้านสว่างและด้านมืด ที่ผมตีความครับ...
เช้านี้หลังกลับจากประชุม ผมใช้เวลาอยู่บนท้องถนนอย่างยาวนาน เพราะเกิดอุบัติเหตุใหญ่บนเส้นที่ผมสัญจร
เพื่อแก้เบื่อและเป็นการเพิ่มพูนความรู้ ผมจึงเข้าไปท่อง Facebook ของนักเขียนในดวงใจ...คุณวินทร์ เลียววาริณ
และได้ไปเจอประเด็นน่าสนใจ ที่คุณวินทร์นำวาทะของหลวงพ่อชา สุภัทโท มาแชร์ว่า
"ถึงปลาจะบอกว่าอยู่ในน้ำเป็นอย่างไร นกก็ไม่มีทางจะรู้ได้ ตราบใดที่นกยังไม่เป็นปลา"
...
ไม่ทราบว่า ใครจะตีความวาทะของหลวงพ่อฯ ว่ายังไง...แต่สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่า หลวงพ่อฯ ท่านกำลังสอนเราเรื่อง "ปัจจัตตัง"
และไม่รู้ว่า ผมคิดมากเกินไปมั๊ย ถ้าจะแอบตีความว่า ในเวลาเดียวกัน คุณวินทร์ก็กำลังเตือนให้เราฉุกคิดว่า "อย่าใช้ตัวเองเป็นบรรทัดฐานให้คนอื่น"
หลวงพ่อฯ ท่านสอนว่า ไม่ทำไม่รู้ ใครทำใครรู้...และคุณวินทร์สะกิดเราว่า "เรารู้สึกแบบนั้น นู้น นี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า คนอื่นจะต้องรู้สึกแบบเดียวกับเรา หรือเข้าใจว่าเรากำลังรู้สึกยังไงอยู่"
...
หลวงพ่อฯ ท่านสอนเป็นนัยๆ ว่า "ถ้าอยากเข้าใจในภาวะที่อีกฝ่ายกำลังเป็น ก็ไม่ต้องไปขอให้เค้ามาอธิบายให้เสียเวลา...อยากรู้หรือเข้าใจ ก็ต้องลงมือทำเอง จึงจะรู้และเข้าใจในภาวะนั้น"
เหมือนจะอธิบายให้ใครสักคนที่ไม่รู้จัก ว่า "ไฟ" นั้น ร้อนอย่างไร?
ถามว่า มีอะไรอธิบายได้ดีกว่า การให้ใครคนนั้น สัมผัส "ไฟ" ด้วยตัวเอง
...
ดังนั้น บางครั้ง ที่เรามักเผลอคิดแทนคนอื่น...จึงเป็นบ่อยครั้งที่เราต้องเสียใจ ที่ไอ้การคิดแทนคนอื่นนั้น มันไม่ได้ตรงใจเค้า
เราอาจคิดว่า "ดี สำหรับเค้า" แต่เค้าอาจจะคิดว่า "เราแส่ไม่เข้าเรื่อง"
...เป็น "ปัจจัตตัง" ในด้านสว่างและด้านมืด ที่ผมตีความครับ...
Comments
Post a Comment